ยิ่งเป็นรองยิ่งคึก “จ้าวเสือใหญ่” ไม่กลัว “ก้องศึก” ขอบู๊สนั่น ONE ลุมพินี 28
“จ้าวเสือใหญ่” ไม่หวั่นไหวแม้ถูกมองเป็นรอง “ก้องศึก” ทั้งชื่อและชั้น ยิ่งถูกมองข้ามยิ่งฮึกเหิม พร้อมก้าวข้ามทุกงานยาก เพื่อคว้าโอกาสเซ็นสัญญา ONE
“จ้าวเสือใหญ่ ส.เดชะพันธ์” มวยหนุ่มวัย 21 ปี คนกรุงเทพฯ เจ้าของแม่ไม้มวยไทยครบเครื่องที่ดึงดูดแสงสปอตไลต์จากทุกทิศทางจากการเปิดตัวอย่างปังในไฟต์แรก พร้อมกลับมาพิสูจน์ฝีมืออีกครั้งกับ “ก้องศึก แฟร์เท็กซ์” มวยซ้ายบู๊ดุดัน วัย 23 ปี จากเมืองย่าโมโคราช ที่กำลังร้อนแรงไม่แพ้กัน ในกติกามวยไทย รุ่นฟลายเวต (125 – 135 ป.) ขึ้นป้ายคู่เอกของศึก ONE ลุมพินี 28 วันศุกร์ที่ 11 ส.ค.นี้
เจ้าของรางวัลนักมวยไทยที่ใช้ศิลปะมวยไทยยอดเยี่ยมแห่งปี 2563 แจ้งเกิดในศึก ONE ลุมพินี 20 ด้วยการหักปากกาเซียน เอาชนะน็อกยกแรก “เพชรสุขุมวิท บอยบางนา” ที่ฟอร์มแรงเก็บชัย 3 ไฟต์ติดต่อกันลงได้ พร้อมรับโบนัสไปนอนกอด 350,000 บาท
ด้วยสไตล์การชกรับก็ได้ รุกก็ดี และมีเทคนิคแพรวพราว ทำให้เขาได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนมวยอย่างล้นหลาม และขึ้นแท่นเป็นดาวเด่นของรายการที่น่าจับตามองทันที
ผลงานดังกล่าวทำให้ชีวิตของ “จ้าวเสือใหญ่” เปลี่ยนไปไม่น้อย โดยกลายเป็นมีแฟนมวยรู้จักและขอติดตามมากขึ้น เดินทางไปไหนก็มีคนเข้ามาทักทายขอถ่ายรูปอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งต่างจากสมัยที่ยังชกมวย 5 ยก แม้จะชกมานานหลายปีแต่ยังไม่เคยได้รับความนิยมมากขนาดนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม “จ้าวเสือใหญ่” รู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเส้นทางฝันเท่านั้น ก่อนจะสานฝันให้เป็นจริงยังมีบททดสอบสุดท้าทายมากมายรออยู่เบื้องหน้าซึ่งเจ้าตัวก็เตรียมตัวเตรียมใจรับมือเต็มที่ต่อจากนี้
บทเรียนชีวิตจากการพลิกล็อกโค่นมวยแกร่งอย่าง “เพชรสุขุมวิท” ถือเป็นกำไรชีวิตก้อนโตที่ “จ้าวเสือใหญ่” นำไปเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาฝีมือขึ้นอีกระดับ โดยเจ้าตัวยอมรับว่าในหลายครั้งที่เขาขึ้นสังเวียนมักถูกมองเป็นมวยรองเสมอจนทำให้ตนรู้สึกถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่
แต่ผลงานที่ผ่านมาของเขาได้พิสูจน์แล้วว่าขอแค่มีความตั้งใจและเชื่อมั่นในตนเอง ก็สามารถแปรเปลี่ยนแรงกดดันเป็นแรงผลักดันให้ดึงศักยภาพตัวเองออกมาจนถึงขีดสุด แม้จะต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ดูเหนือกว่าทุกประตูเมื่ออยู่บนเวที
“ไฟต์เปิดตัวผมกดดันหลายอย่างครับ ก่อนชกได้ยินหลายคนบอกว่าผมไม่มีทางเอาชนะ เพชรสุขุมวิท ได้ ผมจึงตั้งใจฝึกซ้อม เชื่อมั่นในตัวเองว่าต้องทำได้ครับ
วันนั้นตอนขึ้นเวทีชก เป้าหมายของผมคือต้องชนะอย่างเดียว ชื่อชั้นของผมอาจเป็นรองอยู่บ้างแต่พอขึ้นเวทีไปแล้วมันไม่เกี่ยวกันครับ ขอแค่มีความตั้งใจและเชื่อมั่นในตัวเอง สุดท้ายวันนั้นผมก็เอาชนะได้ในที่สุดครับ”
ผลงานโดดเด่นทำให้ “จ้าวเสือใหญ่” กลายเป็นนักมวยเนื้อหอมมีแต่คนอยากปะทะฝีมือด้วย สุดท้ายได้เจอกับ “ก้องศึก” ที่เปิดตัวได้น่าจดจำไม่แพ้กัน เอาชนะคะแนน “ไผ่แดง เกียรติทรงฤทธิ์” มาได้ในศึก ONE ลุมพินี 21 และเป็นอีกครั้งที่ “จ้าวเสือใหญ่” ถูกตราหน้าว่าเป็นมวยรองทั้งชื่อและชั้น แต่นั่นกลับยิ่งสร้างความฮึกเหิมให้กับเขาอีกหลายเท่าตัว
“ผมได้ยินกระแสว่าต้องเจอกับ ก้องศึก มาตลอดตั้งแต่จบไฟต์แรก แต่ก็ไม่คิดว่าจะต้องเจอกันเร็วแบบนี้ครับ เขาเป็นนักมวยที่เก่งในรูปแบบชก 5 ยก ชื่อชั้นของผมอาจเป็นรองเพราะเขาเคยเป็นแชมป์มาหลายรายการ ซึ่งส่วนตัวผมมีหลายไฟต์ที่ก่อนขึ้นชกคนมองว่าจะสู้ไม่ได้ ส่วนหนึ่งก็รู้สึกชอบครับที่ถูกมองแบบนั้น เดี๋ยวพอถึงวันแข่งขันจริง ถ้าผมเป็นฝ่ายเอาชนะได้ทุกคนก็จะเข้าใจผมเองครับ”
ด้านการเตรียมความพร้อมก่อนชก “จ้าวเสือใหญ่” ไม่มีเรื่องให้น่าเป็นห่วง เพราะเป็นนักมวยที่พร้อมปรับตัวพัฒนาตัวเองตลอดเวลา โดยเป้าหมายในครั้งนี้ ต่างฝ่ายต่างต้องการเก็บชัยชนะต่อเนื่องเพื่อคว้าโอกาสได้ไปต่อในเวทีระดับโลก “จ้าวเสือใหญ่” จึงมั่นใจว่าไฟต์นี้จะออกมามันสุดติ่งสมศักดิ์ศรีคู่เอกแน่นอน
“ผมได้กลับมาพัฒนาหลายอย่างมากครับ ในเรื่องการฝึกซ้อมก็เปลี่ยนหมด มีทั้งการเสริมหมัด เวตเทรนนิง และสเต็ปเท้า ผมคิดว่าไฟต์นี้การเตรียมตัวดีกว่าไฟต์แรกเยอะมากครับ เพราะหลังได้ชกไปครั้งแรกทำให้เห็นภาพชัดขึ้น เอาจุดบกพร่องมาปรับเปลี่ยนแก้ไขพัฒนาตัวเองเพิ่มขึ้นครับ”
“ไฟต์นี้ผมตั้งใจมากครับ ทั้งก้องศึกและผมต่างก็ต้องการชัยชนะ เพื่อเปิดโอกาสได้เซ็นสัญญาไปชกในศึก วัน แชมเปียนชิพ ไฟต์นี้ผมว่าต้องออกมาสนุกแน่นอนครับ”
สำหรับศึก ONE ลุมพินี 28 วันศุกร์ที่ 11 ส.ค.นี้ แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. รับชมทาง
- ช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น.
- Facebook ทุกคู่ (บางประเทศ)
- YouTube ONE ทุกคู่ (บางประเทศ)
- Watch.ONEFC.com ทุกคู่ (บางประเทศ)