เล็งบู๊มวยไทยต่อ “โจ” ตั้งเป้าขยับแรงกิง หวังไปให้ถึงแชมป์โลก
“โจ” สร้างการแข่งขันสุดประทับใจแลกเดือดคว่ำ “ลุค” เก็บชัยชนะในศึก ONE รายการใหญ่ครั้งแรกใน 4 ไฟต์หลังสุด พร้อมมุ่งเป้าบู๊มวยไทยให้ถึงแชมป์โลกในช่วงโค้งสุดท้ายอาชีพ
“Smokin’ Jo” โจ ณัฐวุฒิ นักมวยมาดสุขุม วัย 34 ปี จากเมืองย่าโมโคราช กลายเป็นดาวเด่นประจำศึก ONE Fight Night 17:โรมัน vs อเล็กซ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา อย่างไร้ข้อโต้แย้ง เมื่อทำสนามมวยเวทีลุมพินีลุกเป็นไฟจากการแลกอาวุธเดือดกับ “ลุค ลิสซีย์” คู่ชกหน้าใหม่วัย 27 ปี จากสหรัฐอเมริกาจนแทบลืมหายใจ ก่อนนักชกขวัญใจชาวไทยเป็นฝ่ายได้รับการชูมือชนะคะแนนทั้ง 3 เสียง กลับมาเก็บชัยชนะในศึก วัน แชมเปียนชิพ เป็นครั้งแรกจากแพ้รวดใน 3 ไฟต์หลัง โดยเจ้าตัวหวังไต่แรงกิงขึ้นชิงบัลลังก์
สำหรับ “โจ” เคยหันหลังให้กับการเป็นนักฟุตบอลและมุ่งสู่เส้นทางมวยไทยในวัย 10 ขวบ จนกระทั่งอายุ 18 ปี เขาตัดสินใจเอาจริงกับอาชีพหมัดมวยเต็มที่ โดยใช้ชื่อในสังเวียนว่า “ธนะศักดิ์ ส.บุญเลี้ยง” แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างใจหวัง ต่อมาในปี 2556 เขาจึงตัดสินใจออกไปใช้ชีวิตที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะสร้างชื่อโด่งดังด้วยการคว้าตำแหน่งแชมป์โลก Lion Fight มาครองได้ถึงสองรุ่น จนกระทั่งได้รับโอกาสเข้าสู่ชายคา ONE และทำผลงานโดดเด่นทั้งในกติกามวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง
ชื่อของ “โจ” ตกเป็นเป้าสนใจของแฟนกีฬาการต่อสู้ชาวไทยอีกครั้ง หลังรับบทมวยแทนสู้กับ “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต ในการแข่งขันคิกบ็อกซิ่ง ศึก ONE Fight Night 15: ธานฮ์ vs อิลยา เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาได้แบบสุดมัน แม้จะตกเป็นฝ่ายพ่ายคะแนนเอกฉันท์ แต่เขาได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลาม ก่อนสานต่อความนิยมมาถึงไฟต์ที่ชนะเจ้าของฉายา “เดอะเชฟ” ทำให้ตอนนี้ “โจ” กลายเป็นนักสู้ที่ใครก็อยากชมผลงานของเขา
ตลอดการแข่งขันทั้ง 3 ยก “โจ” ประเคนอาวุธครบมือใส่ “ลุค” แบบไม่มียั้ง แม้จะมีอาการบาดเจ็บขาขวาตั้งแต่ยกแรก ท่ามกลางเสียงเชียร์จากแฟน ๆ ทั้งสนาม ก่อนจบเกมด้วยชัยชนะสมความตั้งใจที่รอคอย
“ไฟต์นี้ ลุค มาแบบแข็งแกร่งมาก ส่วนผมมีปัญหาขาแตกเลือดไหลตั้งแต่ช่วงแรก ยก 1-2 ผมรู้ตัวว่าทำคะแนนและออกอาวุธเข้าเป้าเต็ม ๆ ได้มากกว่า ส่วนยก 3 มีแผ่วลงไปบ้าง หลังครบ 3 ยก ผมมั่นใจว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะแน่นอน ถือเป็นเรื่องดีที่ตัวเองสามารถกลับมาเก็บชัยชนะได้อีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ผมต้องมารับงานกะทันหันและแพ้มา 3 ไฟต์ติดต่อกันครับ”
งานนี้ “โจ” ที่ได้ขึ้นสู้ในกติกามวยไทยเป็นครั้งแรกบนสนามมวยเวทีลุมพินี อดปลื้มใจไม่ได้ที่มีแฟน ๆ คอยให้กำลังใจเชียร์ดังลั่นสนาม ก่อนได้รับผลตอบแทนอันคุ้มค่าสมกับที่ตัวเองและทีมงานทำงานหนักกันมาตลอด
“ผมขึ้นชกในกติกามวยไทยที่สนามมวยเวทีลุมพินีเป็นครั้งแรก รู้สึกดีใจที่มีแฟน ๆ คอยตามเชียร์ให้กำลังใจเยอะมากขนาดนี้ ผมอยากขอบคุณกองเชียร์ทุกคนที่คอยติดตามผมและทีมงานมาตลอด พวกเราทำงานกันหนักมาก ต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ส่วนผลการแข่งขันจะออกมาเป็นแบบไหนเป็นเรื่องของเกมกีฬา ไฟต์นี้ผมโดนไปเยอะเหมือนกัน แต่ก็เก็บชัยชนะมาได้ครับ”
เป้าหมายต่อไป “โจ” พร้อมเบนเข้มมุ่งมั่นฝึกซ้อมในกติกามวยไทยเต็มที่อีกครั้ง เพื่อพัฒนาฝีมือให้ออกมาดีที่สุดในช่วงโค้งสุดท้ายของอาชีพ พร้อมเริ่มมองหาอาชีพที่อยากทำหลังเลิกชกมวยเอาไว้บ้างแล้วด้วย
“ตอนนี้ผมมีชื่อติดอันดับแรงกิง ONE มวยไทย ผมจึงอยากเน้นฝึกมวยไทยต่อไป ถ้าเปลี่ยนกติกาสู้กลับไปกลับมาจะทำให้พัฒนาตัวเองได้ยาก ในความคิดของผม ถ้ามุ่งสมาธิไปที่มวยไทยอย่างเดียว น่าจะดูมีอนาคตที่ชัดเจนกว่า ผมจะเตรียมตัวให้พร้อม และอย่างที่ผมบอก นักชกทุกคนมีความฝันที่จะชิงเข็มขัด ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ”
“ตอนนี้ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายในอาชีพของผมแล้ว อีกไม่นานคงถึงเวลาต้องตัดสินใจแขวนนวม ผมเคยคุยกับเพื่อนคิดว่าอีกประมาณ 2 ปี น่าจะถึงเวลาหยุดได้แล้ว ทำให้ผมเริ่มมองหางานใหม่ ๆ ทำไปด้วย การชกมวยเป็นสิ่งที่ดี แต่ชีวิตความมั่นคงหลังเลิกชกมวยก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกันครับ”
แฟนกีฬาสามารถติดตามอัปเดตข่าวสารและโปรแกรมการแข่งขันของ “โจ” ได้ที่นี่ รวมถึงโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand, อินสตาแกรม ONEChampTh