เต็ม 10 ให้ 20! “โจ ณัฐวุฒิ” สุดแฮปปี้ฟอร์มการชก ขอจัดเต็มกว่าเดิมไฟต์ต่อไป
“โจ ณัฐวุฒิ” ยอมรับ แม้จะตกเป็นผู้แพ้ แต่พอใจสุด ๆ กับฟอร์มการชกและฟีดแบ็กจากแฟนมวยดีเกินคาด พร้อมจัดหนักกว่าเดิมในไฟต์ต่อไป
จบลงไปอย่างสุดมันสำหรับการพบกันระหว่าง “โจ ณัฐวุฒิ” นักชกรุ่นใหญ่ วัย 34 ปี จากจังหวัดนครราชสีมา ที่ขันอาสารับเผือกร้อนกลับมาขึ้นสังเวียนโชว์ฝีมือในรอบ 1 ปี 2 เดือน ปะทะกับ “ซ้ายดารา” ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง ซึ่งรูปเกมนั้นออกมาสนุกสุดมันตลอดทั้ง 3 ยก ก่อนสุดท้าย “โจ” จะเป็นฝ่ายแพ้ไปด้วยคะแนนเอกฉันท์ ในศึก ONE Fight Night 15: ธานฮ์ vs อิลยา เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
การได้รับโอกาสให้เดินทางกลับมาโชว์ฝีมือที่ประเทศไทยครั้งแรกในรอบหลายปี ทำให้ “โจ” ที่ย้ายไปใช้ชีวิตที่อเมริกาตั้งแต่อายุ 23 ปี ยอมรับว่ารู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาโชว์ฝีมือบนผืนแผ่นดินบ้านเกิดอีกครั้ง รวมถึงยังรู้สึกแปลกตาไปกับบรรยากาศของสนามมวยเวทีลุมพินี ที่แตกต่างไปจากในอดีตที่ตนเคยขึ้นชกโดยสิ้นเชิง
“รู้สึกดีใจมากครับที่ได้กลับมาชกที่เมืองไทยอีกครั้ง เพราะห่างหายไปนานมาก ส่วนสนามลุมพินีในยุคนี้ แตกต่างไปจากสมัยวิกสังกะสีที่ผมเคยชกมากครับ ทุกอย่างในสนามดูเป็นสมัยใหม่หมดเลย และบรรยากาศคนดูในสนามก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงครับ”
ส่วนแผนการชกในไฟต์นี้ “โจ” ยอมรับตามตรงว่าด้วยอายุที่ต่างกันถึง 10 ปี หากจะให้ไปยืนแลกเดือดทีต่อทีกับ “ตะวันฉาย” คงไม่ไหว จึงวางกลยุทธ์ใช้ลูกขยันเข้าสู้ และพยายามตอบโต้กลับไปเป็นชุดให้ได้มากที่สุด ซึ่งสองยกแรกทุกอย่างเป็นไปตามแผน จนกระทั่งยกสุดท้ายที่เครื่องเริ่มแผ่วลงไป จนทำให้ออกอาวุธไม่ได้ตามที่ใจต้องการ
“ในช่วงยกแรก ผมรู้ตัวดีว่าเรี่ยวแรง และความแข็งแรงเป็นรองน้องเขาแน่นอน ผมจึงอาศัยการขยันออกอาวุธ และพยายามโต้ตอบคืนกลับไปเป็นชุดให้ได้มากที่สุด ส่วนยกที่สอง ผมปรับแผนมาเป็นฝ่ายพยายามชิงจังหวะออกอาวุธก่อนน้องเขาให้ได้มากที่สุดครับ”
“ยกสุดท้าย ร่างกายผมมันเหมือนความเร็วจากรถที่ขับมา 100 แล้วตกลงมาเหลือ 80 ครับ คือผมพยายามจะชิงออกอาวุธให้ได้ก่อนเหมือนยกที่สอง แต่เพราะผมมีเวลาเตรียมตัวมาน้อยเกินไป ร่างกายเลยทำไม่ได้อย่างที่ใจอยาก ทั้ง ๆ ที่ในหัวผมคิดได้นะว่าต้องออกอะไร ต้องทำอะไร”
หลังผ่านการประชันฝีมือกับรุ่นน้องมือพระกาฬครบถ้วน 3 ยก “โจ” ที่ร้างสังเวียนไปนานเป็นปียอมรับว่ารู้สึกพอใจกับฟอร์มการชกของตัวเองเป็นอย่างมาก และแม้จะมีความมั่นใจพอสมควรว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่ในเมื่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 3 ท่าน ตัดสินให้ “ตะวันฉาย” เป็นฝ่ายชนะคะแนนเอกฉันท์ “โจ” ก็ขอน้อมรับการตัดสินแต่โดยดี และร่วมแสดงความยินดีกับนักชกรุ่นน้องรายนี้ ที่ได้รับชัยชนะไปครอง
“ไฟต์นี้ถ้าคะแนนเต็ม 10 ผมให้ตัวเอง 20 เลยครับ ผมพอใจฟอร์มของตัวเองมาก ผมออกอาวุธได้ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ ส่วนตอนยืนรอฟังผลการตัดสิน ผมมั่นใจพอสมควรเลยนะว่าจะเป็นฝ่ายชนะ
แม้สุดท้ายผลการตัดสินผมจะแพ้ไป แต่ผมเคารพการตัดสินของกรรมการ เพราะกรรมการเขาอาจมีมุมมองที่เห็นละเอียดกว่าเรา กรรมการเขานั่งใกล้เวทีมาก ๆ และอาจมองเห็นในมุมที่คนดูทั่วไปมองไม่เห็นครับ ก็ขอแสดงความยินดีกับน้อง ตะวันฉาย ด้วยครับ”
แม้บทสรุปของไฟต์นี้ “โจ” จะต้องรับบทเป็นผู้แพ้ แต่ด้วยฟอร์มระดับเทพที่สามารถต่อกรกับ “ตะวันฉาย” ได้อย่างครบรส ทำให้ “โจ” ได้รับเสียงชื่นชมมหาศาลจากแฟนกีฬาการต่อสู้ทั่วโลก ซึ่ง “โจ” ยอมรับว่ารู้สึกดีใจมากที่ทุกคนชื่นชอบในสิ่งที่ตนแสดงออกมาบนสังเวียน เพราะเป้าหมายของตนคือต้องการให้แฟน ๆ ทุกคนรู้สึกสนุกให้ได้มากที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้
“รู้สึกดีใจมากครับที่ทุกคนชื่นชอบฟอร์มการชกของผมมากขนาดนี้ แม้ผมจะมีเวลาซ้อมจริง ๆ ไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ การเดินทางมาประเทศไทยในไฟต์นี้ ในหัวผมคิดอย่างเดียวว่าต้องทำให้ทุกคนสนุกกับการแข่งขันให้ได้ ต้องทำให้ทุกคนชอบคู่ของเราให้ได้ ผมขอบคุณทุกคนมากครับที่ชื่นชอบในสไตล์การชกของผม แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้า ผมจะมาเต็มที่แน่นอนครับ”
หลังจบการแข่งขันอันแสนดุเดือด “โจ ณัฐวุฒิ” ขอใช้เวลาอันมีค่า กลับไปพักผ่อนที่บ้านเกิดเมืองย่าโม โคราช ก่อนจะเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์หน้า ขณะที่แผนการในอนาคต “โจ” ยังคงมีความมั่นใจในสภาพร่างกายที่ยังแข็งแกร่งของตนเอง และพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อกลับไปสู่จุดสูงสุดในช่วงโค้งสุดท้ายของอาชีพให้ได้
“ตอนนี้ผมกลับมาพักผ่อนที่บ้านที่โคราชครับ และจะเดินทางกลับอเมริกาวันพุธที่ 18 ต.ค.นี้ครับ กลับไปถึงผมก็จะไปรับสัญชาติอเมริกาก่อน แล้วก็ทำงาน ซ้อมมวย ใช้ชีวิตสนุก ๆ เล่นสโนว์บอร์ดด้วยครับ ส่วนแผนการในอนาคต ผมไม่ได้วางแผนอะไรมาก แต่อย่างน้อยการได้กลับมาชกครั้งนี้ ทำให้ผมได้เห็นว่าร่างกายของผมมันยังไปต่อได้ ยังไปสู่จุดสูงสุดได้ ซึ่งไฟต์ต่อไปผมก็อยากจะทำผลงานให้ออกมาดีกว่านี้ครับ”
ติดตามข่าวสารและความคืบหน้าได้ที่นี่และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand และอินสตาแกรม ONEChampTh