ความหวังพี่น้องลาว “ลำน้ำโขง” เตรียมสางแค้น “ขุนพลน้อย” หวังสร้างชื่อให้แผ่นดินเกิด
“ลำน้ำโขง” ขวัญใจพี่น้องชาวลาวเดินหน้าล่าแค้น “ขุนพลน้อย” คู่ปรับที่เคยแพ้มาในการชกแบบ 5 ยก หวังประกาศชื่อนักชกจากลาวให้เป็นที่จดจำในศึก ONE ลุมพินี
“ลำน้ำโขง บีเอส.มวยไทย” นักชกสายบู๊ผู้สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักมวยลาวคนแรกที่ขึ้นชกบนสังเวียน ONE ลุมพินี ได้คิวขึ้นรายการต่อเนื่องพบกับคู่ปรับเก่า “ขุนพลน้อย ส.สมหมาย” มวยลุยเดินสนุก วัย 30 ปี จากนครศรีธรรมราช น้องชายของ “คนไม่ยอมคน” เสกสรร อ.ขวัญเมือง ที่หวังคืนฟอร์มเก่งเก็บแต้มชัยแรกให้ได้ โดยจะพบกันในกติกามวยไทย แคตช์เวต 136 ป. ศึก ONE ลุมพินี 42 วันศุกร์ที่ 24 พ.ย.นี้ ที่สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา)
สำหรับ “ลำน้ำโขง” ชีวิตในวัยเด็กทางบ้านมีฐานะยากจน ทำให้ต้องเลือกเส้นทางอาชีพชกมวยเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว เริ่มฝึกซ้อมมวยไทยตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ก่อนมีโอกาสข้ามฝั่งมาชกที่ไทยครั้งแรกตอนอายุ 16 ปี ขณะที่ตอนนี้มาปักหลักอยู่ที่ไทยได้เกือบ 2 ปีแล้ว โดยได้ย้ายมาอยู่ที่ค่ายบีเอส.มวยไทยยิม พัฒนาฝีมือการชกของตัวเองขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนได้เปิดตัวในศึก ONE ลุมพินี 37 เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา
โดยนักชกวัย 22 ปี จากแขวงสะหวันนะเขต ประเดิมสวยชนะน็อก “สำออยน้อย ต.ภู่สุวรรณ” นักชกไทยสัญชาติเมียนมา ยกแรก รับโบนัส 3.5 แสนบาท หรือราว 200 ล้านกีบ ไปครอง พร้อมสร้างกระแสฟีเวอร์ให้ทางศึก ONE ลุมพินี ได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องชาวลาวอย่างคึกคัก มีแฟนกีฬาการต่อสู้คอยเฝ้าดูรายการเยอะมากขึ้นตามมาทันที
ทั้งนี้ “ลำน้ำโขง” ยอมรับต้องปรับตัวไม่น้อยกับการชกในศึก ONE ลุมพินี เป็นครั้งแรก ซึ่งผลตอบรับที่ได้กลับมานั้นถือว่าเป็นอะไรที่เกินคาดฝันไปมาก กลายเป็นประสบการณ์สุดล้ำค่าที่ยากจะลืมได้ลง
“ก่อนมาชกในศึก ONE ลุมพินี ผมต้องปรับตัวเยอะมาก โดยเฉพาะสไตล์การต่อสู้ที่ต้องมีความดุดันเพิ่มมากขึ้น แตกต่างกับการชกมวยในรูปแบบ 5 ยก อย่างสิ้นเชิง ต้องเปลี่ยนมาชกนวมเล็ก 4 ออนซ์ ฝ่ายไหนพลาดโดนก่อนมีสิทธิ์ร่วงได้ทันที ไม่ต้องดูเชิงอะไรกันมากเดินหน้าสู้กันอย่างเดียวครับ”
“ผมดีใจมากที่เก็บชัยชนะในไฟต์แรก ได้เงินก้อนใหญ่เอากลับไปให้ครอบครัว ความรู้สึกตอนนี้คือเหมือนโล่งใจไปหมด มันเปลี่ยนชีวิตของผมไปเลย คนลาวอย่างผมไม่เคยคาดคิดว่าจะมาได้ไกลขนาดนี้ การได้โอกาสมาชกในรายการใหญ่อย่าง ONE ลุมพินี ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากครับ”
สิ่งที่ทำให้ “ลำน้ำโขง” ปลื้มหนักขึ้นไปอีกคือการที่ตัวเองได้มีส่วนสำคัญทำให้รายการ ONE ลุมพินี ได้รับความนิยมในหมู่พี่น้องชาวลาวมากขึ้น เชื่อว่าอีกไม่นานมีนักชกคนบ้านเดียวกันมาสร้างสีสันในรายการเพิ่มแน่นอน
“ตอนนี้กระแสมวย ONE ลุมพินี ที่ลาว โด่งดังมีแฟนมวยเฝ้าติดตามรอดูรายการเยอะมาก ผมรู้จักกับรายการของ ONE ตั้งแต่ตอนอยู่ที่ลาว ผมเดินทางกลับไปมาทั้งสองประเทศและติดตามชมการแข่งขันของรายการนี้มาตลอด พี่น้องชาวลาวชอบดูมวยรายการ ONE ลุมพินี เยอะมากครับ”
“ในความคิดของผมคนลาวเป็นคนที่มีจิตใจมุ่งมั่นและอดทนมาก อยากฝากถึงนักมวยลาวหลาย ๆ คน ถ้าตั้งใจสู้ต่อไป อาจได้โอกาสข้ามมาซ้อมที่เมืองไทย ที่นี่มีอนาคตที่ดีรออยู่และมีสิทธิ์เข้ามาชกในศึก ONE ลุมพินี เหมือนผมได้ครับ”
บททดสอบต่อไป “ลำน้ำโขง” ต้องเจอกับคู่ปรับเก่า “ขุนพลน้อย” ที่ตัวเองเคยแพ้คะแนนในการชกกติกา 5 ยก เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ไฟต์นี้หวังกลับมาถอนแค้นเต็มที่ พร้อมลุ้นเก็บโบนัสติดมือต่อเนื่องให้ได้
“ผมเคยเจอ ขุนพลน้อย มาแล้วหนึ่งครั้งในการชกแบบ 5 ยก ตอนนั้นร่างกายผมไม่ค่อยสมบูรณ์แต่บนเวทีผมทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่ ถือว่าเป็นการแพ้คะแนนไปแบบสมศักดิ์ศรี หลังจากแพ้มีหลายอย่างที่ผมต้องนำกลับมาปรับปรุงแก้ไขทำให้ดีขึ้น ครั้งนี้มาเจอกันแบบ 3 ยก ใครจะพลาดโดนก่อนเดี๋ยวรู้กันครับ”
“ไฟต์นี้ถ้าผมได้โบนัส 3.5 แสนบาทอีกครั้ง จะเอาเงินไปสร้างบ้านใหม่ให้ครอบครัวเหมือนเดิม ผมพร้อมสู้ต่อไปเพื่อทำความฝันสร้างบ้านให้สำเร็จ ส่วนเป้าหมายสูงสุดของผมคือ ถ้ามีโอกาสอยากคว้าสัญญา ONE เข้าไปชกในศึก วัน แชมเปียนชิพ ให้ได้ครับ”
ติดตามชม “ลำน้ำโขง vs ขุนพลน้อย” ศึก ONE ลุมพินี 42 ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) วันศุกร์ที่ 24 พ.ย.นี้ คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. และรับชมทางช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
- ช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น.
- เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เริ่ม 19.30 น.
- ยูทูบ ONE Championship (บางประเทศ) เริ่ม 19.30 น.
- Watch.ONEFC.com