“แองเจลา ลี” วิจารณ์การต่อสู้ “แสตมป์” พร้อมรอต้อนรับสู่โลก MMA ของจริง
ในที่สุด ราชินีรุ่นอะตอมเวต “Unstoppable” แองเจลา ลี ก็ได้ผู้ท้าชิงรายต่อไปอย่างเป็นทางการจากศึก ONE: WINTER WARRIORS เมื่อวัที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก็คือแชมป์ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิงคนล่าสุด “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” นั่นเอง โดยขณะนี้ แองเจลา ก็กลับมาฟิตซ้อมร่างกายเต็มที่เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับศึกป้องแชมป์ครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นราวต้นปี 2565
แชมป์โลก ONE วัย 25 ปี ผงาดขึ้นครองบัลลังก์รุ่นอะตอมเวตหญิงเมื่อสามารถปราบคู่ต่อสู้ชาวญี่ปุ่นระดับตำนานอย่าง “V.V” เม ยามากูชิ ในศึกชิงแชมป์โลก ONE รุ่นอะตอมเวตหญิงที่จัดขึ้นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2559 นับตั้งแต่นั้น เธอก็สามารถป้องกันตำแหน่งมาอย่างเหนียวแน่นได้ถึงสี่ครั้งโดยไม่มีใครในรุ่นโค่นเธอลงได้
ต่อมาในเดือนตุลาคม 2563 แองเจลาออกมาประกาศว่าเธอตั้งครรภ์ลูกคนแรก เธอจึงจำเป็นต้องพักรบเพื่อไปทำหน้าที่คุณแม่เต็มตัว แต่เพื่อให้การแข่งขันในรุ่นนี้เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในระหว่างที่แชมป์โลกต้องห่างสังเวียน วัน แชมเปียนชิพ จึงประกาศจัดการแข่งขันรายการ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ เพื่อเฟ้นหาผู้ท้าชิงคนต่อไปของ แองเจลา เมื่อเธอพร้อมกลับคืนสังเวียน
มาถึงตอนนี้ เมื่อ แองเจลา ได้รู้แล้วว่าผู้ท้าชิงอย่างเป็นทางการของเธอคือ แสตมป์ อดีตแชมป์โลก ONE มวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง ที่สามารถฝ่าด่านหฤโหดบนเส้นทางการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) จนได้ครองตำแหน่งแชมป์ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ และได้เตรียมความพร้อมรอต้อนรับ แสตมป์ สู่โลก MMA ของจริง
ทีมงาน ONE ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ราชินีรุ่นอะตอมเวต ที่กำลังเตรียมตัวคืนสังเวียนอย่างแข็งขัน โดยเราจะไปดูกันว่า แองเจลา รู้สึกอย่างไรกับ แสตมป์ ในฐานะผู้ท้าชิง และเตรียมอะไรไว้เป็นทีเด็ดเพื่อรับมือผู้ท้าชิงในศึกป้องแชมป์ครั้งที่ 5 ของเธอบ้าง
ONE: คุณคิดยังไงกับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ONE เวิลด์กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวต ระหว่าง แสตมป์ กับ ริตู ?
แองเจลา: เป็นไฟต์ที่เยี่ยมมากค่ะ ฉันว่าทุกคนต้องช็อกไปตาม ๆ กันที่เห็น แสตมป์ เอาชนะด้วยท่าอาร์มบาร์ แต่จริง ๆ แล้วฉันเองไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ เพราะฉันคาดอยู่แล้วว่า แสตมป์ ต้องพัฒนาทักษะ MMA ของเธอให้เก่งกว่าเดิม และในศึกนี้ dHเห็นได้ว่า แสตมป์ มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น ฉันคิดว่าทีมของเธอวางแผนรับมือได้ดีมาก
ONE: ถ้าให้ประเมินทักษะในเกมนอนของ แสตมป์ จะประเมินอย่างไร
แองเจลา: ฉันคิดว่าทักษะคว้าจับล็อกของเธอพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คุณสามารถเห็นว่าเธอมีพัฒนาการขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไฟต์ที่ผ่านมากับ ริตู
ริตู เชี่ยวชาญการเทกดาวน์มาก แต่ไม่ค่อยเห็นว่าเธอมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งเพื่อเล่นงานคู่ต่อสู้ หรือมองหาโอกาสปิดเกม เท่าที่ดูเธอมาในไฟต์ก่อน ๆ หลายครั้งที่เธอเทกดาวน์และควบคุมคู่ต่อสู้ได้ แต่เธอก็ยังเปิดช่องให้คู่ต่อสู้เล่นงานและซับมิชชันได้อยู่ดี
ขณะที่ แสตมป์ เมื่อถูกเทกดาวน์ลงพื้น เธอไม่รีรอที่จะใช้ท่าไทรแองเกิล (ล็อกคอ) ซึ่งฉันคิดว่าเธอทำได้ดีมาก
ONE: คุณจะป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกกับ สแตมป์ ในปี 2565 แน่นอนว่าต้องมีหลายคนออกมาพูดถึงเรื่องที่คุณเรื้อเวทีไปกว่าสองปีซึ่งอาจส่งผลต่อฟอร์มการต่อสู้ คุณมีความคิดเห็นอย่างไร?
แองเจลา: ฉันว่าก็เป็นความจริงแค่บางส่วน ฉันเป็นแชมป์มาตั้งแต่ปี 2559 ฉันรู้อยู่แล้วว่าต้องทำยังไงบ้างเพื่อคว้าแชมป์และป้องกันตำแหน่งไว้ให้ได้ และเมื่อรู้ว่าต้องคืนสังเวียน ฉันก็ต้องซ้อมหนักกว่าเดิม คุณจะไม่เห็นว่าฝีมือฉันขึ้นสนิมแน่นอน ยอมรับว่ามันเป็นงานหนัก แต่ฉันก็พร้อมเสมอ
ส่วน แสตมป์ ได้ชกเคลื่อนไหวต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของเธอ ทำให้ฉันต้องฝึกให้หนักขึ้นในระหว่างเข้าค่ายเก็บตัวสำหรับศึกป้องกันแชมป์ที่จะถึงนี้
ONE : ถ้า แสตมป์ ชนะคุณได้ เธอจะได้เป็นแชมป์โลก ONE สามประเภทกีฬาคนแรกในประวัติศาสตร์ รู้อย่างนี้แล้วรู้สึกกดดันเป็นพิเศษไหม?
แองเจลา: ฉันคิดว่าเราทั้งคู่ต่างก็กดดันอย่างมากกับไฟต์นี้ ฉันได้ดูข่าวและเห็นว่า สแตมป์ ตั้งใจที่จะคว้าเข็มขัดแชมป์เส้นที่สามให้ได้ ฉันเองก็รู้สึกกดดันมากพอกัน เพราะต้องป้องกันตำแหน่งเป็นครั้งที่ห้า และต้องทำให้ได้อย่างสมศักดิ์ศรีด้วย
ทุกคนต่างก็จับตามองว่าฉันจะเป็นยังไงเพราะร้างเวทีมานาน มีคนบอกว่าหลังจากคลอดลูกจะทำให้ฉันอ่อนแอกว่าเดิม แต่ฉันจะพิสูจน์ว่าพวกเขาคิดผิด ฉันคิดว่าเราทั้งคู่มีหลายอย่างที่ต้องพิสูจน์ค่ะ
แสตมป์ เคยเป็นแชมป์โลก ONE มวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง ตอนนี้เธอได้เป็นแชมป์เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ เธอรู้ดีว่าการอยู่จุดสูงสุดได้ต้องผ่านอะไรบ้าง แต่นั่นเป็นตอนที่เธออยู่ในโลกของเธอ ส่วนตอนนี้ เธอกำลังจะเข้ามาในโลกของฉันแล้ว
ONE : สุดท้าย คุณวางแผนจะเอาชนะ แสตมป์ อย่างไร
แองเจลา: ยังไม่บอกค่ะ ขอเก็บเป็นความลับก่อน แต่ฉันและทีมของต้องทำการบ้านอย่างหนักเพื่อวางแผนรับมือ และคุณจะได้เห็นตอนเราสองคนเจอกันบนสังเวียน
อ่านเพิ่มเติม:
