กลับมาแล้ว “เมืองไทย” ปลื้มคืนฟอร์มแกร่ง “ขุนศอกผีดิบ” ลบคำสบประมาทกู้ศรัทธาสำเร็จ
“เมืองไทย” เปิดใจทั้งน้ำตาหลังประกาศศักดา “ขุนศอกผีดิบ” คืนชีพ โชว์ฟอร์มเดือดกระแทกใจคว้าชัยและโบนัสหลักแสน ปิดปากนักวิจารณ์ลบทุกคำสบประมาทก่อนหน้านี้
“เมืองไทย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” กลับคืนสังเวียนลุมพินีที่เคยสร้างชื่อถือกำเนิดฉายา “ขุนศอกผีดิบ” ในศึก ONE ลุมพินี นัดปฐมฤกษ์ เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวงัดฟอร์มดุเอาชนะคู่แข่ง “มาฟลุด ตูปิเยฟ” แบบสุดมันด้วยคะแนนเอกฉันท์
ก่อนหน้านี้มวยไทยยอดฝีมือจากบุรีรัมย์วัย 28 ปี ห่างหายไปจากสังเวียนผ้าใบนานกว่า 2 ปี เพื่อไปใช้ชีวิตกับครอบครัวในบ้านเกิดและถือโอกาสพักร่างกายไปในตัว แต่แล้วเขาก็ได้โอกาสคืนสังเวียน ONE เมื่อเดือนเม.ย.65 โดยเผชิญหน้ากับนักมวยจอมซ่าจากแแดนผู้ดี “เลียม แฮร์ริสัน” เพื่อประเดิมศึกคัมแบ็ก
ปรากฏว่าไฟต์นั้นสร้างกระแสฮือฮาไปทั่วทั้งวงการในฐานะไฟต์ยอดเยี่ยม (มวยไทย) ประจำปี 2565 ด้วยแอ็กชันอันดุเดือดระหว่างทั้งคู่ซึ่งแม้ “เมืองไทย” จะเห็นชัยชนะอยู่รอมร่อด้วยการได้นับไปก่อนถึงสองครั้ง แต่ “เลียม” กลับฮึดสู้พลิกชนะน็อกไปหน้าตาเฉย สร้างความผิดหวังให้ “เมืองไทย” ไม่น้อย
“เมืองไทย” ได้โอกาสกลับมาแก้มือใน ONE อีกครั้งในเดือน ก.ค.65 และทำผลงานเบียดเอาชนะมวยดาวรุ่งจากรัสเซีย “วลาดิเมียร์ คุซมิน” เก็บแต้มชัยได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้น “เมืองไทย” ก็ยังต้องเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิาจรณ์ว่าฟอร์มของเขาดูไม่ดุดันสมฉายา “ขุนศอกผีดิบ” และไม่เป็นที่ประทับใจแฟนมวยเท่าที่ควร
หลังจากนั้น “เมืองไทย” จึงตั้งหน้าตั้งตากลับไปฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อรอโอกาสคืนฟอร์มแกร่งและกู้ศรัทธาให้ได้ จนในที่สุด เจ้าตัวก็ได้โอกาสสำคัญให้ร่วมรายการ ONE ลุมพินี 1 ซึ่งถือเป็นการกลับบ้านที่เขาเคยแจ้งเกิดครั้งแรกในรอบ 4 ปี
แม้ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งจอมแกร่ง “มาฟลุด ตูปิเยฟ” นักมวยชาวอุซเบกิสถาน ที่มาใหญ่เกินพิกัดแบนตัมเวต (145 ป.) ตามที่ตกลงกันตามคิวเดิม แต่ “เมืองไทย” ก็ไม่หวั่นและยอมแบกน้ำหนักสู้กันในพิกัดเฉพาะ 147 ป.
และ “เจ้าของฉายา “ขุนศอกผีดิบ” ก็ไม่ทำให้แฟนมวยที่รอดูผลงานของเขาต้องผิดหวัง “เมืองไทย” ปลุกวิญญาณผีดิบสาดอาวุธเข้าใส่คู่แข่งไม่ยั้ง และสามารถเอาชนะไปอย่างขาดลอยหลังจบสามยก และยังทุบโบนัสจากบิ๊กบอส “ชาตรี” ไปอีก 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.3 แสนบาท
แน่นอนว่าชัยชนะที่ได้มาย่อมนำความดีใจให้ “เมืองไทย” เป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่มีความหมายสำหรับเขามากกว่านั้นคือการเอาชนะความกลัวและความกังวลภายในใจและออกมาบู๊เต็มที่โดยไม่คิดถึงผลแพ้ชนะ
เสียงปรบมือและเสียงเชียร์กึกก้องสนามที่แฟน ๆ มอบให้เพราะชื่นชมหัวใจนักสู้ของเขา ทำให้ “เมืองไทย” ตื้นตันยิ่งกว่าการได้รับการชูมือเสียอีก เพราะนั่นคือผลลัพธ์จากความพยายามพัฒนาตนเองเพื่อลบคำสบประมาทจากใครหลาย ๆ คน
“ช่วงหลังมานี้ผมฟอร์มไม่ค่อยดีครับ ไม่ค่อยเป็นที่จับตามองของแฟนคลับเหมือนเดิม สองไฟต์ที่ผ่านมาเหมือนเป็นครูสอนเราครับว่าไฟต์นี้เราต้องชกให้สนุกขึ้น ต้องออกอาวุธหนัก คม และหลากหลายขึ้น ผมอยากกลับมา ก็พยายามฟิตซ้อมตลอดครับ”
“บางทีผมดูคอมเมนต์ในเพจก็มีคนว่าเราโง่ จากสมัยก่อนเราเคยยืนเป็นมวยเอกในลุมพินีตลอด แล้วมาวันหนึ่งเขาบอกเราโง่ เราไม่มีอะไร แทบจะไม่มีใครอยากดู “เมืองไทย” เลย แต่ยังดีที่ บอสชาตรี ยังเห็นความใจสู้ของผม และจัดให้ผมชกใน ONE ลุมพินี ก็ขอบคุณมากครับ”
“ผมยอมรับว่ายกแรก ๆ ก็กลัวนะครับ แต่ผมก็คิดว่า เราชกมาขนาดนี้ อายุจะ 30 ปี แล้ว มันต้องได้สิ อีกอย่าง คู่ต่อสู้เขาเริ่มออกอาการ เริ่มยุบ ผมก็รู้สึกมั่นใจที่จะชนครับ ไฟต์นี้ ผมตั้งใจมาก พยายามชกให้สนุก ชนะมาได้ก็ดีใจมากครับ ผมก็จะซ้อมให้หนัก และจะพยายามชกให้ดุเดือดให้แฟนคลับทั่วโลกได้ชมกันอย่างสนุกครับ”
สำหรับศึก ONE ลุมพินี 2 พร้อมระเบิดความมันต่อเนื่อง! เตรียมจัดไฟต์ล้างตาระหว่าง “ทารกเงินล้าน” แสงมณี พี.เค. แสนชัยมวยไทยยิม กับ “ซ้ายอุกกาบาต” กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย 2 ยอดมวยรุ่นแบนตัมเวต โดยแฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง http://bit.ly/3YWaao3 โดยคู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. และถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD ตั้งแต่เวลา 20.30 น.