ONE ระดมทัพอย่างรอบคอบ ก่อนกลับมาเปิดสังเวียนเดือดเพื่อผู้ชมทั่วโลก
ในช่วงสถานการณ์ที่ไวรัสโควิด-19 ยังไม่สงบ วัน แชมเปียนชิพ ในฐานะองค์กรกีฬาการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้แสดงสปิริตในการร่วมรับผิดชอบต่อส่วนรวม โดยดำเนินการตามนโยบายควบคุมการแพร่เชื้อไวรัสอย่างเคร่งครัด จึงจำเป็นต้องเลื่อนการแข่งขันออกไป แต่ก็ยังได้มีการวางแผนที่จะกลับมาเปิดสังเวียนเดือดอย่างรอบคอบและปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
“นายชาตรี ศิษย์ยอดธง” ประธานและซีอีโอของ วัน แชมเปียนชิพ ได้ติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด ทั้งยังได้ประสานงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข เพื่อวางแผนแนวทางปฏิบัติในการกลับมาจัดการแข่งขันภายในปีนี้ทันทีที่ได้ไฟเขียว ซึ่งคาดว่าจะนำร่องที่ประเทศสิงคโปร์อันเป็นบ้านเกิดของ วัน แชมเปียนชิพ รวมถึงประเทศจีนและไทยด้วย
แม้รายการแข่งขันการต่อสู้อย่าง UFC จะเร่งรัดกลับมาเปิดเวทีไปเรียบร้อยแล้ว แต่ทาง ONE ซึ่งมีปัจจัยหลายด้านที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นองค์กรที่จัดการแข่งขันหมุนเวียนไปทั่วเอเชีย อีกทั้งมีนักกีฬาในสังกัดหลากหลายเชื้อชาติ จึงมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบและคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ
“แน่นอนว่าผมขอแสดงความนับถือ ดานา ไวต์ (ประธาน UFC) อย่างแรงกล้า สำหรับความห้าวหาญและวิสัยทัศน์ในการจัดอีเวนต์ภายในช่วงเวลาแบบนี้” นายชาตรี กล่าว
“วัน แชมเปียนชิพ เองก็ประสบภาวะในระดับความรุนแรงเดียวกัน แต่ทางเราต้องใคร่ครวญให้รอบคอบ เพราะความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่เราคำนึงถึง”
“เราจะไม่เร่งรีบกลับมาจัดการแข่งขันด้วยเหตุผลทางด้านธุรกิจที่มีภาระผูกพันเกี่ยวข้องกับการถ่ายทอด หรือแบรนด์สินค้า หรืออย่างใดก็ตาม เราจะกลับมาภายใต้สภาพแวดล้อมที่เรามั่นใจว่าจะปลอดภัยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องครับ”
ปัจจัยที่ วัน แชมเปียนชิพ ต้องคำนึงถึงนั้นมีหลายเรื่องด้วยกัน นอกจากเรื่องนโยบายด้านสาธารณสุขของแต่ละประเทศที่จะไปจัดการแข่งขันแล้ว ยังมีเรื่องนโยบายการเปิดประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอนุญาตให้นักกีฬาจากประเทศอื่นเข้าไปทำการแข่งขัน ตลอดจนการทำวีซ่าเข้าประเทศ เป็นต้น
“ภาครัฐของแต่ละประเทศต่างก็มีนโยบายที่แตกต่างกันภายใต้ขอบเขตของตน เช่นเดียวกับนโยบายการล็อกดาวน์ ดังนั้นมันจึงค่อนข้างมีรายละเอียดในการทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ แต่ทีมของผมและตัวผมเองต่างก็ทำงานอย่างหนักในเรื่องนี้ด้วยความเต็มใจ”
ในประเทศบ้านเกิดของ วัน แชมเปียนชิพ ที่สิงคโปร์ซึ่งมีนโยบายควบคุมการแพร่ระบาดของโวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด โดยในช่วงเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา การแข่งขันกีฬาทั้งหมดถูกระงับ แม้แต่ฟุตบอลลีกซึ่งเป็นลีกกีฬาอาชีพเดียวของสิงคโปร์ นักฟุตบอลก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมาซ้อมได้
สำหรับรายการต่อสู้ UFC ได้กลับมาจัดการแข่งขันแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ด้าน Bellator ยังไม่มีประกาศวันเวลากลับมาจัดการแข่งขันที่แน่นอน ขณะที่ Invicta เพิ่งประกาศจัดการแข่งขันในต้นเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้หลังจากว่างเว้นมาเกือบ 5 เดือน ส่วน PFL ประกาศยกเลิกการแข่งขันทั้งหมดในปี 2020 โดยมุ่งเน้นที่จะหวนกลับมาอย่างแข็งแกร่งในปี 2021
การพิจารณาอย่างรอบคอบของ วัน แชมเปียนชิพ ก่อนที่จะกลับมาจัดการแข่งขันนั้น เป็นการยืนหยัดต่อภาพลักษณ์ของ ONE ที่ต้องการสร้างวีรบุรุษผ่านการบอกเล่าเรื่องราวที่ดีงาม และสร้างคุณค่าให้เหล่านักกีฬาผ่านกีฬาการต่อสู้ ซึ่งเป็นคนละแนวทางกับบางองค์กรที่เน้นการสร้างดรามาหรือใช้กระแสจากความเกลียดชังหรืออคติระหว่างนักกีฬา
อย่างไรก็ตาม ผู้ชมย่อมเป็นคนตัดสินว่าอยากเห็นทิศทางของกีฬาการต่อสู้ไปในทางใด และต้องการเห็นต้นแบบของนักกีฬาที่จะเป็นแบบอย่างให้กับเด็กและเยาวชนในอนาคตอย่างไร
หากพิจารณาจากการจัดอันดับของ Tubular Labs ซึ่งเป็นผู้นำด้านข้อมูลและการวัดผลระดับโลกสำหรับสื่อออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม (YouTube, Facebook, Instagram ฯลฯ) ในปี 2019 วัน แชมเปียนชิพ ติดอันดับ 4 ของโลกในฐานะองค์กรสื่อทรัพย์สินกีฬาที่มียอดผู้ชมออนไลน์สูงสุด ในขณะที่ WWE, NBA และ NFL อยู่ในอันดับที่ 1, 2 และ 3 ตามลำดับ
อ่านเพิ่มเติม: