“พระจันทร์ฉาย” โต้ดรามา “เส้นใหญ่” แค่เด็กใหม่แต่ได้ท้าชิง “สามเอ”
น้องใหม่แกะกล่อง “พระจันทร์ฉาย” โต้ดรามาถูกตราหน้าว่า “เส้นใหญ่” หลังคว้าฟาสต์แทร็กขึ้นชิงแชมป์โลกได้ตั้งแต่ไฟต์แรก ยันตนเองก็มีดีกรีและศักยภาพเหมาะสมที่จะเป็นผู้ท้าชิงมากที่สุดในขณะนี้
“พระจันทร์ฉาย พี.เค. แสนชัยมวยไทย” นักชกน้องใหม่ป้ายแดง เพิ่งตบเท้าเข้าร่วมทัพนักกีฬาในชุด วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ มาหมาด ๆ ก็ได้ฤกษ์เบิกตัวขึ้นสังเวียนเป็นครั้งแรก และที่สำคัญยังเป็นไฟต์ชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต กับแชมป์โลกเจ้าตำนานอย่าง “สามเอ ไก่ย่างห้าดาว” อีกด้วย
คำถามจึงมีตามว่า เหตุใด พระจันทร์ฉาย ที่ยังไม่มีผลงาน ใน วันแชมเปียนชิพ เลยแม้สักครั้งจึงมีสิทธิ์เป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลกโดยไม่ต้องไต่อันดับอย่างที่เคยเห็นมา งานนี้เจ้าตัวเปิดใจให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้
“ผมมองว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเส้นใหญ่อะไรเลยนะครับ แต่เป็นเรื่องของความเหมาะสมที่ทั้งทางค่ายฯ และ วันแชมเปียนชิพ พิจารณาแล้วเห็นตรงกันว่า จากผลงานและประสบการณ์ที่ผมสั่งสมมาในเวทีระดับประเทศ ผมมีศักยภาพ มีการพัฒนาฝีมือมากพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมจะชิงแชมป์โลกในรุ่นนี้ และผมมองว่าผมก็สมควรที่จะได้ท้าชิงในครั้งนี้ครับ”
ในเวทีระดับโลกอย่าง วัน แชมเปียนชิพ การจับคู่นักกีฬาในแต่ละครั้งเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดและต้องพิจารณารอบด้าน เพื่อให้การแข่งขันออกมาอย่างสนุกสนานตื่นเต้น สร้างความประทับใจให้แฟน ๆ และเพื่อให้นักกีฬาได้แสดงความสามารถอย่างยุติธรรม ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันจนเกินไป
หากมองในรุ่นสตรอว์เวต (52.3 – 56.7 กก.) ที่ พระจันทร์ฉาย ชกอยู่ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าในยุคนี้เขาคือนักมวยไทยที่เก่งกาจที่สุดในรุ่นเมื่อเทียบแบบปอนด์ต่อปอนด์ การันตีได้จากผ่านศึกมามากถึง 400 ไฟต์ เช่นเดียวกับ สามเอ รวมถึงตำแหน่งแชมป์ที่กวาดเรียบจากเวทีมาตรฐานในประเทศ ทั้งแชมป์สนามมวยเวทีราชดำเนิน, แชมป์สนามมวยเวทีลุมพินีม, แชมป์ S-1 ตลอดจนแชมป์มวยสากล WBA Asia South ถึงขนาดที่ว่าหาคู่ชกในประเทศยากมาก
ด้าน สามเอ นั้นคงไม่ต้องสาธยายให้มากความ เพราะเขาคือแชมป์โลกระดับตำนานที่ยังไม่มีคู่ต่อสู้ในรุ่นนี้เอาชนะเขาได้ การจับคู่ระหว่าง พระจันทร์ฉาย ซึ่งเป็นดาวรุ่งอันดับหนึ่งในยุคนี้ และ สามเอ ยอดมวยระดับตำนาน จึงเป็นความเหมาะสมและลงตัวที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 ที่การเดินทางของนักกีฬาจากนานาประเทศยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการจัดการแข่งขัน
อันที่จริงจะว่าไปแล้ว การที่นักกีฬาน้องใหม่ได้สิทธิ์เป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลกตั้งแต่ไฟต์เปิดตัวไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรบนเวที วัน แชมเปียนชิพ หากยังจำกันได้ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” นักมวยหญิงจากระยองของไทยก็เคยได้สิทธิ์เปิดศึกชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต กับ “ไค่ ถิง ฉวง” แชมป์จากไทเปซึ่งครองเข็มขัดขณะนั้น โดย แสตมป์ สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้ตั้งแต่ไฟต์เปิดตัว
อีกคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นที่จดจำของแฟน ๆ ที่ติดตาม วัน แชมเปียนชิพ ได้ดี นั่นคือ “อิเลียส เอ็นนาฮาชิ” คิกบ็อกเซอร์ชาวดัตช์-โมร็อกโก ที่ได้สิทธิ์ขึ้นชิงแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต กับ “เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี” ตั้งแต่ไฟต์แรกโดยไม่ต้องไต่อันดับ เพราะจากดีกรีแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง 6 สมัยของเขาเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่จะคว้าฟาสต์แทร็กขึ้นชิงแชมป์โลก และเขาก็ทำได้สำเร็จตั้งแต่ไฟต์แรกเช่นเดียวกัน
ดังนั้น การที่ พระจันทร์ฉาย จะได้สิทธิ์ชิงแชมป์โลกเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เหนือสิ่งอื่นใดเขาอยากให้แฟน ๆ มองว่านี่เป็นโอกาสสำคัญที่เขาต้องพิสูจน์ฝีมือตัวเองว่าเขาจะไปได้ไกลแค่ไหนบนเวทีระดับโลก
“จริง ๆ แล้วผมเองจะสู้กับใครก็ได้ครับ ผมสู้ได้หมดทุกคนอยู่แล้ว ส่วนกับการได้ขึ้นมาสู้กับ พี่สามเอ ในไฟต์เปิดตัวเลย ผมรู้สึกดีใจมากที่ผู้ใหญ่ของค่าย และ วัน แชมเปียนชิพ เห็นความสามารถและให้โอกาส หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าผมสมควรเป็นผู้ท้าชิงกับ พี่สามเอ และทำผลงานให้ดีเพื่อสร้างความประทับใจให้แฟน ๆ ผมก็มั่นใจว่าจะสามารถสู้กับพี่เขาได้อย่างสนุกแน่นอนครับ”
พระจันทร์ฉาย จะเจริญรอยตามนักสู้ ONE คนก่อน ๆ ที่สามารถขึ้นแท่นเป็นแชมป์โลกทันทีในไฟต์เปิดตัวได้หรือไม่ คงต้องติดตามลุ้นในศึก ONE:BATTLEGROUND ซึ่งจะเป็นการถ่ายทอดสดจากสิงคโปร์ ในวันศุกร์ที่ 30 ก.ค.นี้ เวลา 19.30 น.
รับชมได้ทาง:
- ONE Super App 19.30 น.
- YouTube ของ ONE Championship 19.30 น.
- AIS Play 19.30 น.
- ไทยรัฐทีวี ช่อง 32, 21.30 น.
อ่านเพิ่มเติม: