“อลาเวอร์ดี” คืนสังเวียนมวยไทย หวังเอาชนะ “พงษ์ศิริ” ชดเชยความพ่ายแพ้ครั้งก่อน
“Babyface Killer” อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ หลังจากเสียเข็มขัดแชมป์คิกบ็อกซิ่งไปในเดือนมกราคมที่ผ่านมาก็กลับไปซุ่มเลียแผลใจและเยียวยาสภาพร่างกาย จนกระทั่งตัดสินใจกลับคืนสู่เส้นทางมวยไทยที่เคยตั้งใจว่าจะไปให้ไกลจนถึงแชมป์ โดยหวังเอาชนะ “พงษ์ศิริ พี.เค. แสนชัยมวยไทยยิม” เพื่อชดเชยความพ่ายแพ้ครั้งก่อนและพิสูจน์ว่าเขาเก่งที่สุดในรุ่นแบนตัมเวต ในศึก ONE: NEXTGEN III ที่จะออกอากาศเทปการแข่งขันในวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายนนี้
เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกมวยไทย IFMA 3 สมัยจากแดนหมีขาว เปิดตัวบนเวที ONE อย่างดงามเมื่อเขาเอาชนะนักมวยแถวหน้าอย่าง “เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี” ไปได้ด้วยคะแนนเอกฉันท์ เขาลงแข่งขันในกติกามวยไทยต่อมาอีก 4 ไฟต์กับยอดฝีมือทั้งไทยและเทศซึ่งรวมถึงนักมวยไทยชื่อดังอย่าง “เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์” และ “ก้องศักดิ์ พี.เค.แสนชัย มวยไทยยิม” โดยสั่งสมสถิติชนะ 3 ครั้งจากทั้งหมด 5 นัดในกติกามวยไทย
ต่อมาในเดือนธันวาคม ปี 2562 อลาเวอร์ดี ได้โอกาสข้ามสายไปชกในกติกาคิกบ็อกซิ่งเป็นครั้งแรกบนเวที ONE โดยเป็นนัดชิงเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเขาก็สามารถปราบนักชกจากแดนมังกร “จาง เฉิงหลง” นั่งแท่นราชันย์คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวตคนแรกในประวัติศาสตร์ ONE
อลาเวอร์ดี กอดเข็มขัดแชมป์อยู่เพียง 1 ปีเศษ ก็ถูก “กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี” กระชากเข็มขัดไปต่อหน้าต่อตาด้วยลูกเตะเจาะยางบันลือโลก ทิ้งให้เขาเป็นได้แค่อดีตแชมป์โลก โดยเขายอมรับว่าความพ่ายแพ้ครั้งนั้นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่เป็นบทเรียนสำคัญในชีวิต
“ครั้งนั้น ผมทำพลาดไปหลายเรื่อง โดยเฉพาะวิธีการเตรียมตัว มันไม่สมกับเป็นมืออาชีพเลย แต่สำหรับผม ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นคงถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว และผมก็ยอมรับมัน”
หลังจากหลบไปเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ อลาเวอร์ดี พร้อมกลับมาใหม่ในเวอร์ชันที่เขากล่าวว่าดีที่สุดในชีวิต โดยตัดสินใจคืนสู่เส้นทางมวยไทยที่เขาแผ้วถางมาจนรั้งอันดับ 5 ของแรงกิงรุ่นนี้ โดย อลาเวอร์ดี มั่นใจว่าเขาจะสามารถงัดเอา “ศาสตร์แห่งอาวุธทั้งแปด” ที่เขาเคยฝึกฝนมาตั้งแต่อายุ 13 ปี มาใช้ต่อกรกับนักชกจอมบู๊ชาวไทยในศึกนี้
แม้จะยอมรับว่าต้องเจองานแข็งอย่าง พงษ์ศิริ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมวยพันธ์ุดุที่มีประสบการณ์การชกมวยไทยข้นคลั่กแถมพกเข็มขัดแชมป์มวยไทย 5 เส้นมาด้วย แต่ อลาเวอร์ดี ไม่ถึงขั้นต้องกังวลเพราะเขาคุ้นเคยกับนักมวยไทยมาพอสมควร ทั้งยังรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ พงษ์ศิริ มานานแล้วด้วย โดยมองว่าตนยังได้เปรียบเรื่องรูปร่างและทักษะการชกคิกบ็อกซิ่งที่จะนำมาปรับใช้ในการชกครั้งนี้
“ผมจะบอกว่า การลงแข่งในกติกามวยไทย เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกคุ้นเคยมากกว่า เพราะผมใช้วิชามวยไทยเป็นส่วนใหญ่ในอาชีพ ผมชอบใช้ศอกในการต่อสู้ ผมว่ามวยไทยเป็นกีฬาที่ยอดเยี่ยมและน่าตื่นเต้นมาก”
“ผมรู้จัก พงษ์ศิริ มานานแล้ว เขาคว้าแชมป์จากเวทีต่าง ๆ ในเมืองไทยมาเพียบ ผมรู้ว่าจุดแข็งของเขาอยู่ที่ประสบการณ์อันโชกโชน แต่ผมก็คุ้นเคยกับสไตล์ของนักมวยไทยดี ซึ่งเข้ากันได้กับสไตล์การชกของผมอยู่แล้ว”
อลาเวอร์ดี ได้เดินทางมาเก็บตัวในเมืองไทยที่ค่ายเวนัม พัทยา เป็นเวลากว่า 5 เดือนแล้ว และพร้อมเต็มร้อยที่จะคว้าชัยเหนือนักชกชาวไทยให้ได้ หากเขาสามารถโค่นต้นตำรับมวยไทยได้อีกคนเหมือนที่เคยทำมาแล้วกับ เพชรมรกต ก็จะเป็นการพิสูจน์ฝีมือและส่งให้เขาพุ่งทะยานสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ นั่นคือการขึ้นชิงบัลลังก์กับ “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว”
นอกจากจะเป็นการกรุยทางสู่บัลลังก์แชมป์ตามที่ตั้งใจแล้ว อลาเวอร์ดี ยังหวังว่าชัยชนะครั้งนี้จะช่วยกอบกู้ความมั่นใจของตนคืนมา หลังจากต้องแพ้ไปอย่างบอบช้ำในครั้งล่าสุดด้วย
“ผมอยากชนะในการแข่งครั้งนี้ ผมจะทำหน้าที่ของผมเพื่อชดเชยให้กับความพ่ายแพ้ครั้งก่อน ไม่มีนักกีฬาคนไหนขึ้นเวทีเพื่อมาสู้อย่างเดียว แต่ละคนก้าวขึ้นมาเพื่อได้รับการชูมือ ดังนั้น เป้าหมายเดียวของผมคือชัยชนะ ถ้าไม่ชนะก็ไม่มีค่าอะไร”
“ผมมีความตั้งใจเพียงอย่างเดียวคือ ผมต้องการพิสูจน์ว่าผมเก่งที่สุดในรุ่นน้ำหนักนี้ และเพื่อพิสูจน์ให้เห็นตามนั้น ผมต้องเอาชนะ พงษ์ศิริ ให้ได้”
“อลาเวอร์ดี vs พงษ์ศิริ” ONE: NEXTGEN III ออกอากาศเทปการแข่งขัน วันศุกร์ที่ 26 พ.ย.64 เวลา 17.30 น. รับชมทาง
- แอปมือถือ ONE Super App
- ยูทูบ ONE Championship
- AIS Play (เฉพาะลูกค้า AIS)
- ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 22.40 น.
อ่านเพิ่มเติม: