เปิดเส้นทางฝัน “แรมโบ้เล็ก” นักสู้ ONE ลุมพินี คนแรกที่คว้าสัญญา ONE รายการใหญ่
ส่องเส้นทางสู่ความสำเร็จสไตล์ “แรมโบ้เล็ก” นักสู้ผู้ผ่านอุปสรรคมาไม่น้อยก่อนคว้าตั๋วสู่ วัน แชมเปียนชิพ เป้าหมายปลายทางชัดเจนขอมีเข็มขัดแชมป์โลกประดับบารมีให้ได้
“แรมโบ้เล็ก ฉ.อจลบุญ” มวยซ้ายฝีมือฉกาจ วัย 20 ปี จากชัยภูมิ ตกเป็นเป้าสนใจของแฟนมวยทั่วประเทศทันที หลังสร้างชื่อเป็นนักชกคนแรกจากเวที ONE ลุมพินี ที่ก้าวไปคว้าสัญญานักกีฬา ONE มูลค่า 3.5 ล้านบาท ได้สำเร็จ ทั้งที่เพิ่งฝากผลงานในรายการไปแค่ 2 ไฟต์ ด้วยผลงานโดดเด่นเกินห้ามใจ
“แรมโบ้เล็ก”เปิดตัวสวยหรูในศึก ONE ลุมพินี 7 ด้วยการชนะน็อกยกสอง “ธีรเดช ช.ห้าพยัคห์” ก่อนสานต่อความแรงในศึก ONE ลุมพินี 13 จัดการสอย “จาง เฉิงหลง” ร่วงไปในยกสอง พร้อมรับโบนัสทั้งสองไฟต์รวมเป็นเงิน 7 แสนบาท นอกจากนั้นในไฟต์ล่าสุดยังได้รับเซอร์ไพรส์ใหญ่จากบิ๊กบอส “ชาตรี” อ้าแขนต้อนรับให้เข้ามาเป็นนักกีฬาน้องใหม่ใต้ชายคาสังกัด ONE อีกด้วย
จากเด็กน้อยลืมตาดูโลกที่ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ใช้พลังกำปั้นพิสูจน์แทนคำพูดก้าวขึ้นมาเป็นนักชกมวยไทยแถวหน้าของประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ กว่าจะเติบใหญ่มาเป็นนักกีฬาคุณภาพแบบนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เส้นทางอาชีพของ “แรมโบ้เล็ก” ผ่านอะไรมาบ้าง เราขออาสาพาไปทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น
#เรียกผมว่า “แรมโบ้เล็ก”
“แรมโบ้เล็ก ฉ.อจลบุญ” หรือชื่อจริง “วุฒิชัย ไข่หิน” ชื่อเล่น “บีม” เกิดเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2546 เป็นน้องคนสุดท้องจากพี่น้องทั้งหมด 3 คน ส่วนพ่อแม่ทำอาชีพเกษตรกร พออายุ 7 ขวบเริ่มชกมวยเพราะอยากสนุกสนานตามประสาเด็ก ขึ้นชกครั้งไฟต์แรกในชีวิตใช้ชื่อ “น้องบีม ศิษย์น้องเล็ก” ที่งานวัดประจำจังหวัด เอาชนะคู่ชกได้ค่าตัว 300 บาท
จากนั้นตระเวนชกตามภูธรมาตลอด แม้บางครั้งต้องมีอาการเจ็บ หรือ โดนหัวหน้าค่ายดุด่าจนท้อไปบ้าง แต่ก็ต้องอดทนเพราะมุ่งมั่นอยากได้เงินไปช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว ขึ้นเวทีผ่านไป 15 – 20 ไฟต์ ผลงานเริ่มเข้าทาง ด้วยสไตล์เป็นมวยลุยเดินเข้าทำ ประกอบกับแฟนมวยเห็นว่าเป็นคนตัวเล็กแต่กล้าสู้บู๊ระห่ำ ทำให้ถูกขนานนามตั้งแต่นั้นว่า “แรมโบ้เล็ก”
#เปิดโลกกว้างในเมืองกรุง
เมื่ออายุ 15 ปี “แรมโบ้เล็ก” ได้ย้ายมาอยู่ที่ ค่ายพยัคฆ์ภูดิน พร้อมเปลี่ยนชื่อมาเป็น “แรมโบ้เล็ก เบิ้มภูดิน” และขึ้นมาชกที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในปี 2561 ในศึกมวยดีวิถีไทย ด้วยค่าตัว 16,000 บาท แต่ด้วยกระดูกที่ยังเป็นรอง อายุน้อยกว่าถึง 7 ปี ทำให้แพ้น็อกยกสาม “โรโบค็อป ยุทธทุ่งลุง” ไปแบบหมดสภาพเจ็บพักยาว 2-3 เดือน ซึ่งทำให้เจ้าตัวฉุกคิดได้ว่ายังแกร่งไม่พอในเหมืองหลวง
หลังจากนั้น “แรมโบ้เล็ก” เรียนจบชั้นมัธยม 3 พอดี ทำให้มีเวลาซ้อมและเก็บตัวแบบเต็มที่ ก่อนเดินสายตระเวนชกตามเวทีภูธรอีกครั้ง เมื่อคิดว่าตัวเองพร้อมเต็มที่แล้ว ในปี 2563 “แรมโบ้เล็ก” ขึ้นมาสู้รอบสองที่กรุงเทพฯ เปิดตัวโฉมใหม่ในเวอร์ชันที่ดีขึ้นในศึกยอดมวยวันทรงชัย เอาชนะคะแนน “เสือเพชร ศิษย์อัยการวิชัย” ไปได้ กลายเป็นจุดสตาร์ตความมั่นใจคว้าความสำเร็จตามมาอีกมากมาย
#ครูมวยดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
“แรมโบ้เล็ก” เชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้ตัวเองพัฒนาฝีมือขึ้นมาได้เร็วแบบนี้ สิ่งสำคัญคือเรื่องของระเบียบวินัย ที่ได้รับการฝึกซ้อมมาอย่างดีจากเทรนเนอร์หลายคน โดยเฉพาะตอนที่มี “พี่ซิ่ง” สิทธิศักดิ์ เพชรพญาไท อดีตนักมวยชื่อดังดูแลอยู่ ได้ถ่ายทอดวิชาให้แทบทุกอย่าง สอนให้นิ่งกว่าเดิม ออกอาวุธให้แน่น กลายเป็นสารตั้งต้นสำคัญช่วยให้ทำผลงานได้ดีในตลอดช่วงที่ผ่านมา
โดยไฟต์ที่ทำให้เริ่มมีชื่อเสียงคือไฟต์ที่ได้ 2 นับ เอาชนะคะแนน “ยอดอีที ปตท.ทองทวี” คว้าแชมป์ช่อง 7 สี รุ่นซูเปอร์ไลต์เวต 140 ป. มาครองได้ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2565 ส่วนไฟต์ที่ประทับใจมากที่สุดคือการเอาชนะคะแนน “กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย” ได้ในศึก “สมุยไฟต์” เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2565 เพราะทำให้ได้ค่าตัวแตะหลักแสนบาทเป็นครั้งแรกและพิสูจน์ว่าตัวเองแกร่งขึ้นไปอีกขั้น
#ONE ลุมพินี เปลี่ยนชีวิต
กว่า 1 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก “แรมโบ้เล็ก” ไม่คิดว่าความสำเร็จจะถาโถมเข้ามาไวเช่นนี้ สำหรับเด็กวัย 20 ปี ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้องปรับตัวรับมือกับประสบการณ์ใหม่ แต่เพื่อความฝันต้องมุ่งมั่นเดินหน้าสู้ต่อไป
“ก่อนหน้านี้ผมผ่านการขึ้นเวทีมาแล้วกว่า 200 ไฟต์ มีค่าตัวอยู่ที่ 120,000 บาท แต่การได้มาชกใน ONE ลุมพินี ทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปเยอะ มีชื่อเสียงมากขึ้นและได้สังคมรู้จักผู้ใหญ่ในวงการมากขึ้น ผ่านไปสองไฟต์ผมพอใจกับผลงานของตัวเองมากครับ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความตั้งใจของเราเองด้วยทำให้ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ครับ”
“สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกตกใจคือได้เซ็นสัญญาไปชก วัน แชมเปียนชิพ ไวเกินไปครับ ผมคิดว่าตัวเองต้องรับมือกับการประสบความสำเร็จที่เร็วเกินไปครับ ทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาเกินความฝันของผมไปแล้ว บางทีมันก็ทำให้ผมวางตัวไม่ถูกเหมือนกันครับผมอยากขอบคุณตัวเองที่มีความอดทน มุ่งมั่น โดยมีครอบครัวและผู้ใหญ่คอยสนับสนุนอย่างดีครับ”
#ก้าวต่อไปใน ONE
การมีชื่อได้เป็นคนแรกจากเวที ONE ลุมพีนี ที่ได้เซ็นสัญญาไปลุย วัน แชมเปียนชิพ ถือเป็นแรงกดดันที่ “แรมโบ้เล็ก” ต้องแบกรับ ขณะที่อีกมุมก็ถือเป็นแรงผลักดันให้พัฒนาตัวเองต่อไป โดยมีเป้าหมายปลายทางคือการมีเข็มขัดแชมป์โลกพาดบ่าได้สำเร็จ
“การได้เซ็นสัญญาไปลุย วัน แชมเปียนชิพ ทำให้ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับ เป้าหมายของผมก็คงเหมือนกับนักชกทุกคนคืออยากได้แชมป์ในเวทีระดับโลกมาครองให้ได้ ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตของตัวเองจะมาถึงในจุดนี้เลยครับ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีด้วยที่ประสบความสำเร็จด้วยอายุเพียงเท่านี้ มีนักมวยรุ่นพี่หลาย ๆ คนเอ่ยปากชมผมในเรื่องนี้อยู่ด้วยครับ”
“พอรู้ว่าตัวเองได้สัญญา ONE มาแล้วก็มีแอบกดดันอยู่บ้างครับ ไม่อยากให้ฟอร์มบนเวทีของตัวเองตกหล่นลงไป ทำให้ต้องตั้งใจสู้มากขึ้นไปกว่าเดิมด้วยครับ ตอนนี้ผมยังไม่อยากมีเจอคู่ชกคนไหนเป็นพิเศษ ขอตั้งใจสู้ในเกมเจอ ฟาริยา อามินิปัวร์ (23 มิ.ย. 66, ONE ลุมพินี 22) ให้เต็มที่ ขอผ่านไฟต์นี้ไปให้ได้ก่อนครับ”
เส้นทางการต่อสู้ของ “แรมโบ้เล็ก” พิสูจน์ให้นักมวยทุกคนได้เห็นแล้วว่า ถ้าเราตั้งทำใจอะไรอย่างจริงจังและจริงใจ เป้าหมายที่วาดฝันเอาไว้ก็มีโอกาสเป็นจริงได้เสมอ แม้นี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นภาคใหม่ของชีวิตที่ต้องพัฒนาฝีมือการชกกันต่อไปก็ตาม น่าสนใจมากว่าจากคนตัวเล็กก้าวไปสู่ศึกใหญ่ เจ้าตัวจะทำผลงานออกมาได้ดีแค่ไหน แฟนกีฬาต้องคอยติดตามเชียร์ให้กำลังใจกันต่อไป
สำหรับศึก ONE ลุมพินี 22 วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายนนี้ แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. รับชมทาง ช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น., Watch.ONEFC.com (บางประเทศ), Facebook & YouTube ONE (บางประเทศ)