ยอมหลับไม่ยอมแท็ป! “รถถัง” สู้สุดลมหายใจไฟต์ “ดีเจ” ศึก ONE X
ยอดนักบู๊ขวัญใจมหาชน “รถถัง” เผยความรู้สึกถูกซับมิชชันครั้งแรกในชีวิต โชว์สปิริตนักสู้ไม่ขอยอมแพ้ แม้ถูกฝ่ายตรงข้ามรัดหลับคาเวที
ถือเป็นอีกศึกซูเปอร์ไฟต์ที่แฟนทั่วโลกต่างตั้งตารอสำหรับการแข่งขันกติกาพิเศษมวยไทยปะทะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ระหว่าง “ดิ ไอรอนแมน” รถถัง จิตรเมืองนนท์ และเจ้าตำนานจอมล็อก “Mighty Mouse” ดิมิเทรียส จอห์นสัน หรือ “ดีเจ” ในศึก ONE X เมื่อวันเสาร์ที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา
และเป็นอีกครั้งที่ รถถัง โชว์สปิริตนักรบไทยใจเกินร้อย แม้จะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำถูก ดีเจ จับซับมิชชันในไปในยกสองซึ่งเป็นกติกา MMA แต่ รถถัง กัดฟันฝืนทนไม่ยอมจำนนด้วยการแท็ปเอาต์จนตัวเองสลบคามือคู่ต่อสู้ต่อหน้าต่อตา
ศึกระหว่างคู่นี้เดือดตั้งแต่ยกแรกซึ่งเป็นกติกามวยไทย โดย รถถัง เปิดเกมไล่บี้ ดีเจ หวังจบเกมให้ได้ในยกแรก แต่ฝ่ายตรงข้ามใช้ความคล่องแคล่วเอาตัวรอดไปได้ เมื่อถึงเกมถนัดของ ดีเจ ในยกสอง รถถัง พลาดท่าถูกเผด็จศึกด้วยการซับมิชชันท่า เรียร์ เนกเกด โช้ก (รัดคอจากด้านหลัง)
“ผมพลาดครับ จังหวะนั้น สองจิต สองใจว่าจะไม่ฮุก เราก็รอดักเขาอยู่ เขาหลอกล่อ แล้วเราถลำฮุกไป เขาก็ได้โอกาสกอดเอว ขึ้นคอเลย”
“ผมก็พยายามแก้ไขด้วยการดึงมือเขาออกและฝืนยืนไว้ เพราะถ้าล้มไปก็ลำบากที่จะกลับมาได้ แต่เขาก็มีเทคนิคเหนือกว่า ทำให้ผมลงไปได้”
“พอล้มลงไป เขาก็ล็อกแน่นแล้วครับ ผมเริ่มหายใจแรงแล้ว ผมก็พยายามดึงมือเขาให้พ้นแต่มันดันเข้าล็อกไปอีก หลังจากนั้นผมไม่รู้เรื่องอะไรแล้วครับ เหมือนจอมืดไปเลย”
“แต่พอผมตั้งสติได้ ลมหายใจเริ่มกลับมาปกติ ผมบอกกรรมการ ผมยังไม่ได้ยอมแพ้เลย ผมกำลังคิดอยู่ เหมือนผมยังอยู่ในอดีต ผมกำลังแก้ทางเขาอยู่ ผมก็งงว่าทำไมทั้งกรรมการและทุกคนมากอดเรา กรรมการก็บอกผมว่า รถถัง หลับแล้ว”
รถถัง สลบไปพร้อมกับความรู้สึกว่าเขากำลังต่อสู้และยังไม่แพ้ จึงยากจะที่ทำใจว่าเกมนี้จบลงแล้ว แน่นอนว่าเขายอมรับคำตัดสินแบบไม่มีคำถามเพราะรู้ดีว่าในเกมกีฬาอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่ยังติดค้างในใจคือ ความรู้สึกมึนงงผสมความเสียดายที่เกมนี้จบเร็วเกินไป
“ผมรู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองครับ รู้สึกว่ามันเร็วไปไหม มันแค่งงกับตัวเองอยู่ คือผมยังยึดติดกับช่วงที่เรายังไม่หมดสติว่า เรายังไม่แพ้นะ แต่พอตื่นขึ้นมากลับพบว่าเราแพ้แล้ว ผมก็รู้สึกเสียใจในตัวเอง ไม่เคยเห็นสภาพตัวเองแบบนั้นที่แขนไม่มีแรงไปเลย”
“จริง ๆ ผมไม่ได้เสียใจเพราะแพ้ หรือเสียใจที่เราขึ้นไปชกนะครับ แต่ผมอยากโชว์สิ่งที่เราเรียนมาให้เต็มที่มากกว่านี้ ผมอยากแสดงให้ทั่วโลกรู้ว่า คนไทยไม่ได้เก่งแค่มวยไทย เราสู้ได้ทั้งคิกบ็อกซิ่ง และเอ็มเอ็มเอ”
นักชกจอมบู๊ยอมรับว่าเทคนิคการต่อสู้แบบ MMA ของเขายังอ่อนด้อยนักเมื่อเทียบกับเจ้าตำนานอย่าง ดีเจ แต่เขาก็ประกาศลั่นว่าการพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่สามารถทำให้เขาเลิกล้มความตั้งใจที่จะฝึกฝนวิชาต่อไปเพื่อเอาดีในกีฬานี้ให้ได้
“ผมแพ้ไฟต์นี้ ไม่ใช่ว่าผมจะยอมแพ้ ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เอาเอ็มเอ็มเอแล้ว แต่เป็นบทเรียนที่ผมต้องกลับมาแก้ไข เราแพ้เพราะคู่ต่อสู้เป็นถึงซูเปอร์สตาร์ระดับตำนาน ผมบอกตัวเองว่าอย่าไปท้อ อย่าไปยอม อย่างที่เคยบอกว่าผมจะไม่ยอมแพ้ ถ้าผมยังมีลมหายใจ”
เมื่อถามถึงเป้าหมายต่อจากนี้ว่าเจ้าบัลลังก์มวยไทยจะหันไปทุ่มเทกับ MMA อย่างเต็มตัวเลยหรือไม่ เจ้าตัวก็เผยว่า
“หลัก ๆ ผมก็ยังคงเดินสายมวยไทยครับ แต่ก็จะแบ่งเวลาไปฝึกเอ็มเอ็มเออย่างต่อเนื่อง ผมคิดว่าถ้าฝึกฝนไปเรื่อย ๆ เราก็จะเก่งขึ้น อย่าง ดีเจ กว่าเขาจะมายืนตรงนี้ได้เขาก็ต้องฝึกฝนมาเป็นสิบปี”
“ปีนี้ผมอายุ 25 ก็ถือว่ายังไม่สาย ถ้าผมฝึกไปเรื่อย ๆ จนถึงอายุ 29-30 ผมว่าผมก็น่าจะเก่งขึ้นแล้วครับ”
สำหรับ รถถัง ผลแพ้ชนะบนสังเวียนคงไม่สำคัญไปกว่าชัยชนะเหนือความกลัวในหัวใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่ในชีวิต และเส้นทางนักสู้ของ รถถัง ยังไม่จบที่ความพ่ายแพ้ครั้งนี้แน่นอน
อ่านเพิ่มเติม: