“รถถัง” ยันไม่ถอดใจ MMA ขอเรียนรู้ควบคู่รักษาบัลลังก์มวยไทย
นักมวยจอมบู๊ “รถถัง” ยืนกรานหนักแน่นไม่ถอดใจจากสายการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ขอกลับไปฝึกวิชาอัปเลเวลควบคู่กับการป้องกันเข็มเข็ดแชมป์โลกมวยไทย
“ดิ ไอรอนแมน” รถถัง จิตรเมืองนนท์ แม้จะเป็นฝ่ายพลาดท่าถูกเจ้าตำนานจอมล็อกอย่าง “Mighty Mouse” ดิมิเทรียส จอห์นสัน แจกซับมิชชันในซูเปอร์ไฟต์มวยไทย – MMA จากศึก ONE X เมื่อวันเสาร์ที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็ออกมาประกาศกร้าวว่ายังไม่เข็ด แต่ขอกลับไปฝึกปรือฝีมือให้เด็ดกว่านี้ควบคู่ไปกับหน้าที่หลักในสายมวยไทย
เป็นที่ฮือฮาไปทั่ววงการศิลปะการต่อสู้ระดับโลกเมื่อมวยไทยซูเปอร์สตาร์ชาวพัทลุงตกปากรับคำทำศึกลูกผสมกับเจ้าของแชมป์โลก MMA 12 สมัยจากฝั่งอเมริกา และยังฮือฮาได้อีกเมื่อ รถถัง สู้สุดใจไม่ยอมแท็ปจนถูกรัดคอหลับคาเวทีในยกสองซึ่งเป็นกติกา MMA
ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้เจ้าตัวถึงกับหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายให้กับความผิดพลาดเพราะความด้อยประสบการณ์ในกีฬา MMA แต่ถึงอย่างนั้น รถถัง ก็ยังมีกำลังใจฮึกเหิมที่จะกลับไปพัฒนาฝีมือเพื่อเอาดีในวิชานี้ให้ได้
“ผมแพ้ไฟต์นี้ ไม่ใช่ว่าผมจะยอมแพ้ ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เอา MMA แล้ว แต่เป็นบทเรียนที่ผมต้องกลับมาแก้ไขว่าเราควรทำยังไง เราแพ้เพราะคู่ต่อสู้เป็นถึงซูเปอร์สตาร์ระดับตำนาน ถือเป็นความภูมิใจของผมครับ”
หลังจากได้สัมผัสประสบการณ์ครั้งแรกในการลงแข่งกติกา MMA รถถัง ยอมรับว่าเขาประทับใจในศาสตร์นี้อยู่ไม่น้อยและรู้สึกว่าไม่ได้เป็นกีฬาป่าเถื่อนอย่างที่ใครเขาวิจารณ์กัน
นอกจากนั้น รถถัง ยังมองว่าเขายังมีโอกาสเติบโตได้อีกไกลในเส้นทาง MMA และยังไม่สายเกินไปที่เขาจะไปฝึกปรือฝีมือให้แกร่งกว่านี้เพื่อกลับมาในฐานะนักกีฬา MMA เต็มตัวในอีก 5-6 ปีข้างหน้า
“ต้องยอมรับว่าตอนนี้ประสบการณ์ผมยังน้อย การป้องกันตัวผมยังไม่ดีพอ แต่ทุกอย่างต้องมีการฝึกฝนครับ อย่าง ดีเจ เอง เขาก็ใช้เวลาเป็น 30 ปี กว่าจะประสบความสำเร็จได้ในวันนี้”
“สำหรับตัวผม ผมจึงคิดว่ายังไม่สายที่จะเริ่มฝึก MMA ตอนนี้ ผมว่าถ้าอายุสัก 29-30 ผมก็น่าจะเก่งในสาย MMA แล้ว เพราะเรารู้เทคนิคพื้นฐานหมดแล้วครับ”
อย่างไรก็ตาม ในฐานะแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต รถถัง ยังมีหน้าที่หลักในการป้องกันตำแหน่งจากคู่แข่งอีกมากมายที่หมายหัวเขาอยู่ โดยเจ้าตัวก็เผยถึงแผนการเดินทางทั้งในเส้นทางมวยไทยและ MMA ต่อจากนี้ว่า
“หลัก ๆ แล้วผมก็ยังต้องทำหน้าที่ป้องกันแชมป์โลกมวยไทยอยู่แล้วครับ แต่ผมจะไม่ทิ้ง MMA แน่นอน ผมจะแบ่งเวลาไปศึกษาเพิ่มเติมเรื่อย ๆ ครับ และถ้าผมประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจในสายมวยไทยแล้ว ผมก็จะทุ่มเทให้กับ MMA อย่างจริงจังต่อไปครับ”
อ่านเพิ่มเติม: