“สะเก็ดดาว” พร้อมรบศึกมวยไทยกับ “จาง ฉุนยู่” มั่นใจหนนี้ไปไกลกว่า MMA
“ดาวมฤตยู” สะเก็ดดาว เพชรพญาไท อดีตยอดมวยเก๋าสูงยาวเข่าดี ขุ่นเขาดินระเบิดจากมหาสารคาม วัย 33 ปี หลังขึ้นสู่จุดสูงสุดของอาชีพด้วยการครองแชมป์หลายเส้นหลายสมัยในประเทศไทย ก่อนแขวนนวมไปร่วม 6 ปี เพื่อผันตัวเป็นครูมวยที่ยิม Evolve MMA สิงคโปร์ เปลี่ยนเส้นทางอาชีพใหม่ในสังเวียนการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ของ วัน แชมเปียนชิพ
หลังพักรักษาอาการบาดเจ็บไปแรมปี ตอนนี้เขาพร้อมแล้วสำหรับการกลับคืนสู่สังเวียน และที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้น ศึกใหม่ ONE: REIGN OF DYNASTIES II วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคมนี้ เขาจะกลับมาชกกติกามวยไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ด้วยรูปแบบ 3 ยก รุ่นเฟเธอร์เวต (65.9 กก. – 70.3 กก.) กับนักชกเลือดมังกร แชมป์สหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก (WPMF) “จาง ฉุนยู่” วัย 27 ปี ที่มาประเดิมศึกแรกใน วัน แชมเปียนชิพ
แม้ สะเก็ดดาว จะผ่านสังเวียนของ วัน แชมเปียนชิพ มาก่อนหน้านี้แล้ว 4 ไฟต์ แต่ก็เป็นกติกาการต่อสู้แบบผสมผสานทั้งหมด และความน่าทึ่งอยู่ตรงที่ 3 ไฟต์แรกในกีฬานี้ เขาชนะติดต่อกันด้วยการน็อกเอาต์คู่แข่งตั้งแต่ยกแรกด้วยอาวุธแม่ไม้มวยไทยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะหมัดหรือเข่าลูกที่ถนัด เขาสามารถประยุกต์ใช้ในกีฬาใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี
การร้างลาสังเวียนมวยไทยไป 6 ปี ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเจ้าของฉายา “ดาวมฤตยู” เจ้าของสถิติชนะ 162 แพ้ 62 เสมอ 1 ซึ่งเจ้าตัวยังคงทบทวนวิชามวยอยู่เสมอ ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเกิดอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าในระหว่างฝึกซ้อมเมื่อสองปีก่อน
“ถ้าถามผมตอนนี้ว่าพร้อมแค่ไหนในการกลับมาชกมวยไทย ผมบอกเลยครับว่า ผมพร้อมยิ่งกว่า MMA เสียอีก ผมทั้งฝึกสอนและฝึกซ้อมมวยไทยอยู่เป็นปกติในทุกวัน”
“ประกอบกับการที่ผมเริ่มต้นฝึกฝนมวยไทยมาตั้งแต่เด็ก ศาสตร์วิชานี้มันฝังอยู่ในสายเลือดไปแล้วครับ พอผมรู้ว่าจะมีโปรแกรมขึ้นชกล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือน ผมพร้อมมาก ที่เหลือก็แค่รักษาความฟิต และทวนเชิงกับเพื่อนครูมวยด้วยกันก็เพียงพอแล้วครับ”
“ตอนนี้ทุกยิมที่สิงคโปร์ ยังไม่สามารถซ้อม MMA แบบตัวต่อตัวได้นะครับ กฎเกณฑ์ของประเทศนี้ยังคงเข้มงวดกับการรักษาระยะห่างทางสังคมอยู่ เพราะฉะนั้นการลงพื้นเพื่อฝึกปล้ำ ทำได้เพียงแค่กับตุ๊กตาที่ใช้ฝึกเท่านั้น แต่สำหรับมวยไทย ผมสามารถล่อเป้า จับเป้ากับครูมวยและลูกศิษย์ได้แล้วครับ”
สะเก็ดดาว ฝึกซ้อมมวยไทยเป็นประจำ 6 วันต่อสัปดาห์ โดยในวันพัก 1 วัน เขาก็ยังคงออกกำลังกายต่อเนื่องไม่เคยขาด อย่างน้อยก็ต้องได้เหงื่อ เช่น การวิ่ง เป็นต้น
ตัวเขาเองไม่ได้มีเทรนเนอร์ประจำตัว เพราะว่าเขาคือโค้ชของตัวเอง แต่อาศัยเวลาว่างของเพื่อนครูร่วมค่าย สับเปลี่ยนหมุนเวียนคู่ซ้อมไปเรื่อยๆ มีทั้ง ขวัญข้าว ม.รัตนบัณฑิต, เก้าแต้ม ลูกพระบาท และ สราวุธ ส.จ.วิชิตแปดริ้ว ที่คอยช่วยทวนเชิงและจับเป้าให้
หากว่าต้องซ้อมคนเดียวกับกระสอบทราย ดูเหมือนว่าการเตะเป้าเพื่อลับคมแข้งจะเป็นสิ่งที่เจ้าตัวเน้นเป็นพิเศษสำหรับศึกใหม่ในครั้งนี้อีกด้วย
Posted by Sakeddao Petchpayathai on Tuesday, October 13, 2020
แม้จะคลุกคลีอยู่กับมวยไทยมาครึ่งชีวิตแต่ สะเก็ดดาว ไม่เคยคิดที่จะประมาทคู่แข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม นักมวยเก่าหรือหน้าใหม่ เขาจำเป็นต้องทำการบ้าน เพื่อมองหาจุดอ่อน-จุดแข็งและปรับเตรียมแผนเตรียมการรบเช่นเดียวกัน
“จาง ฉุนยู่ มีอาวุธหมัดที่ค่อนข้างคม เพราะว่าเขาเคยต่อยคิกบ็อกซิ่งมาก่อน ความอึดทน ความฟิต เขาได้เปรียบผมอยู่แล้ว เพราะเขาอ่อนกว่าผมถึงครึ่งรอบ แต่ผมก็เห็นว่าการออกอาวุธของเขายังช้าอยู่นะครับ เรื่องเชิงมวยไม่ต้องพูดถึง สถิติเขาราวๆ 60 ไฟต์ จุดนี้ด้วยประสบการณ์ ผมแข็งกว่าเขาแน่นอนครับ”
“ทุกไฟต์ต้องเตรียมการครับ ผมไม่ประมาท ยกแรกคงต้องขอดูเชิงเขาบนเวทีก่อน ถ้าเขาเดิน ผมก็จะเตะสกัด ต้องชิงจังหวะออกอาวุธให้ได้ก่อนเขา ดักเขาให้ได้ครับ ด้วยสไตล์ผมเป็นมวยเข่า เพราะฉะนั้นผมจะไม่เดินมาก ไม่ถอยมาก ต้องรู้จังหวะและเลือกออกอาวุธครับ”
สะเก็ดดาว มีความตั้งใจอย่างแท้จริง สำหรับการกลับคืนสู่สังเวียนมวยไทยครั้งใหม่นี้ ถือเป็นโอกาสให้เขาได้ฤกษ์เบิกชัย กรุยทางเพื่อไปสู่การไต่อันดับ และได้รับการประกบคู่เพื่อท้าชิงบัลลังก์แชมป์โลกในอนาคต
มาร่วมกันเป็นสักขีพยานให้กับอีกหนึ่งยอดมวยแห่งยุคที่พร้อมแล้วในการยกเครื่องคืนฟอร์มใหม่ในศึก ONE: REIGN OF DYNASTIES II วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคมนี้ สามารถรับชมได้ทุกช่องทาง ดังต่อไปนี้
- ONE Super App เวลา 19.30 น.
- YouTube ของ ONE Championship เวลา 19.30 น.
- AIS Play เวลา 19.30 น.
- ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 22.40 น.
อ่านเพิ่มเติม: