ดีใจไม่สุด “แสงมณี” รับชกผิดแผนเพราะคู่แข่งแก้ทางมาดี
“ทารกเงินล้าน” แสงมณี เปิดอกแบบแมน ๆ ว่าไม่พอใจผลงานตัวเอง แม้จะชนะมาได้ เผยชกผิดแผนเพราะคู่ต่อสู้แก้ทางดีเกินคาด ตั้งใจครั้งหน้าต้องดีกว่าเดิม
“แสงมณี พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” หลังกลับมาคว้าชัยชนะในไฟต์กู้ศรัทธาใน ONE ได้สำเร็จ โดยเบียดเอาชนะคะแนนคู่แข่งจากแดนมังกร “จาง เฉิงหลง” ไปได้ในศึก ONE 161: เพชรมรกต vs ตะวันฉาย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังรู้สึกไม่พอใจกับผลงานของตัวเองสักเท่าไหร่ โดยเผยว่าต้องรื้อแผนการชกใหม่เกือบหมดเพราะคู่แข่งแก้ทางดี
เรียกได้ว่าการกลับมาครั้งนี้สร้างความกดดันและความตื่นเต้นให้ “แสงมณี” ไม่น้อย หลังจากที่หายหน้าจากสังเวียนเพื่อทุ่มเทกับการเรียนปริญญาโทถึง 2 ปี โดยเจ้าตัวยอมรับว่ากังวลถึงขั้นนอนไม่หลับ และรู้สึกไม่คุ้นชินกับการแข่งในสนามปิดแบบไม่มีเสียงเชียร์จากคนดู จึงทำให้รู้สึกประหม่าจนโชว์ผลงานไม่ได้ดั่งใจตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น แผนการชกที่ซ้อมมาตลอดก่อนหน้านี้มีอันต้องเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เนื่องจากคู่แข่ง “จาง เฉิงหลง” มาเหนือความคาดหมาย เล่นเอา แสงมณี ถึงกับงง และต้องอาศัยไหวพริบปฏิภาณแก้ทางหน้างานบนเวทีตั้งแต่ต้นจนจบ
“ต้องยอมรับว่าแผนการชกที่เตรียมไว้ต้องเปลี่ยนเกือบทั้งหมดเลยครับ เพราะที่ศึกษาการชกของ จาง เฉิงหลง มาก่อนหน้านี้ เขาเป็นมวยที่เตะได้ทั้งซ้ายและขวา บางไฟต์เขาเป็นมวยขวา บางไฟต์เขาปรับเป็นมวยซ้าย ซึ่งทำให้เราจับทางเขาไม่ถูก
ครั้งนี้เราเดาว่าเขาน่าจะใช้มวยขวา ก็เลยเตรียมทวนเชิงไว้สู้กับมวยขวา แต่พอเอาเข้าจริง เขาปรับมาเป็นมวยซ้าย ซึ่งทำให้ผมงงไปเลย ผิดแผนที่เราวางไว้เกือบทั้งหมดเลยครับ”
เมื่อต้องแก้เกมแบบปัจจุบันทันด่วน แสงมณี จึงอาศัยพื้นฐานการเป็นมวยฝีมือ เก็บอาวุธหมัดที่ทั้งเร็วและแรงของคู่แข่ง และรอดักจังหวะสองด้วยแข้งซ้ายไม้ตาย แม้จะเพลี่ยงพล้ำโดนหมัดของ จาง อย่างจังจนมึนในยกแรก แต่ภาพรวมยกต่อมา แสงมณี เริ่มจับทางคู่ต่อสู้ได้และไล่ทำคะแนนจนเบียดชนะคะแนนไม่เอกฉันท์ 2 ต่อ 1 เสียงในที่สุด
“ผมก็ต้องชกไปคิดแก้เกมไปครับ จากที่เราอยากปรับสไตล์การชกให้บู๊มากกว่าเดิมก็ทำอะไรไม่ถนัดนัก เพราะถูกอีกฝ่ายสวนมา ผมก็เลยตัดสินใจว่ารอดักจังหวะสองดีกว่า และอาศัยอาวุธหนักเข้าสู้ครับ”
แม้อะไรจะไม่เป็นตามที่คิดไว้ แถมยังต้องเจอคู่แข่งมาเหนือเมฆ แต่ แสงมณี ก็ยังมั่นใจในการแก้เกมของตัวเองซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดสำคัญที่ทำให้กรรมการเทคะแนนให้เขามากกว่า
“ผมคิดว่าเหตุผลที่กรรมการตัดสินให้ผมชนะ เพราะผมทำได้ดีกว่า จาง ในเรื่องความหนักของอาวุธ และการออกอาวุธได้ชัดเจนเข้าเป้ากว่าครับ”
อย่างไรก็ตาม ยอดมวยจากเมืองขอนแก่นยอมรับไฟต์ที่ผ่านมาเพิ่งเป็นครั้งแรกที่คืนสังเวียนระดับโลกในรอบสองปี ฝีมือและจังหวะต่าง ๆ อาจยังไม่เข้ารูปเข้ารอย ซึ่งเขาก็พร้อมนำทุกข้อบกพร่องกลับไปแก้ไขให้ดีขึ้นในครั้งหน้า โดยขอเจอกับใครก็ได้ในรุ่นแบนตัมเวตเพื่อไต่บันไดให้ถึงตัว “ราชันฆ่าไม่ตาย” น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว
“ผมยังต้องปรับปรุงอีกหลายเรื่องเลยครับ อันดับหนึ่งคือเรื่องความเร็ว เห็นได้ชัดเลยว่า เวลาเราชกกับคู่ชกต่างชาติ เขาเร็วกว่าเรามาก เราต้องไปเพิ่มตรงนี้ครับ อีกอย่างที่ต้องปรับคือ การกล้าแลกกล้าชน และการตัดสินใจที่ผมยังไม่เด็ดขาดพอครับ”
“การชนะครั้งนี้หลังจากกลับมาก็ทำให้ผมมีกำลังใจเพิ่มขึ้นครับ และพร้อมสู้ในครั้งต่อไป ซึ่งผมเชื่อว่ามันต้องดีกว่านี้ และผมก็พร้อมสู้กับใครก็ได้ในรุ่นนี้ เพื่อไต่อันดับให้ถึงจุดหมายในการชิงแชมป์ครับ ถึงผมจะรู้ว่าเส้นทางในรุ่นนี้มันจะยาก แต่ผมก็จะพยายามไปให้ถึงจุดหมายครับ”
อ่านเพิ่มเติม: