กระหายอยากได้เข็มขัด “สิทธิชัย“ ขอย้ำชัย “มารัต” เปิดทางชิงบัลลังก์ “ชิงกิซ”
“สิทธิชัย” ยืนยันหัวใจยังมีไฟ ความกระหายยังเต็มเปี่ยม พร้อมอวสาน “มารัต” ภาค 6 เพื่อมุ่งสู่ความฝันสุดท้ายในช่วงปลายอาชีพ คือการคว้าแชมป์โลก ONE มาครอง
“สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง” สุดยอดนักคิกบ็อกซิ่งขวัญใจชาวไทย วัย 32 ปีจากบุรีรัมย์ เตรียมความพร้อมมาเกินร้อย ขอระเบิดฟอร์มล้างตาเอาชนะ “มารัต กริกอเรียน” คู่ปรับตลอดกาลวัยเดียวกัน จากอาร์เมเนีย ให้ได้เป็นครั้งที่ห้า โดยจะแข่งขันกันภายใต้กติกาคิกบ็อกซิ่ง แคตช์เวต 156.5 ป. ในศึก ONE 165: ซุปเปอร์เล็ก vs ทาเครุ ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 28 ม.ค.นี้ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ย้อนกลับไปในปี 2558 “สิทธิชัย” และ “มารัต” ที่ต่างถูกยกให้เป็นนักคิกบ็อกซิ่ง เบอร์ต้นของโลก ได้โคจรมาพบกันครั้งแรก และกลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งมหากาพย์ของสองยอดฝีมือ ที่ปัจจุบันต่างประลองยุทธ์กันมาแล้วถึง 5 ครั้ง และเป็นทางฝั่งนักสู้ชาวไทยที่เอาชนะไปได้ก่อนถึง 4 ครั้งติดต่อกัน ก่อนจะพลาดท่าพ่ายเป็นครั้งแรกในการพบกันไฟต์ล่าสุดที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อปี 2562
โดย “สิทธิชัย” ได้เล่าย้อนไปถึงเบื้องหลังการวางแผน จนสามารถเอาชนะนักชกระดับโลกอย่าง “มารัต” ได้ถึง 4 ครั้งติดต่อกัน รวมไปถึงการเปิดใจความรู้สึกต่อความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก ต่อจอมบู๊จากอาร์เมเนีย ในการพบกันครั้งล่าสุด
“สาเหตุที่ผมเอาชนะ มารัต ได้ถึง 4 ครั้งติด เป็นเพราะผมทำการบ้านเขามาอย่างดี เลือกใช้ความเร็ว ใช้มันสมอง ไปสู้กับลูกหนักของเขา แต่ทุกครั้งที่ชนะเขา ผมก็เจ็บตัวนะครับ เพราะเขาเป็นนักชกที่มีความแข็งแรง และหมัดหนักมาก ไม่ว่าใครก็ตามจะเผลอโดนหมัดเขาไม่ได้เลย เพราะมีสิทธิ์หลับได้ทันที”
“ส่วนไฟต์ล่าสุดที่ผมแพ้เขาเป็นครั้งแรก เป็นเพราะพลาดถูกเขาฮุก เข้าปลายคางพอดี ทำให้ผมร่วงลงไปโดนนับทันที ก็กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แพ้ไป ถ้าถามว่าเสียดายไหมที่เสียสถิติชนะรวด ก็เสียดาย แต่ไม่เสียใจครับ เพราะว่ากีฬามีแพ้ มีชนะ อยู่แล้ว และผมก็ชนะเขามาก่อนถึง 4 ครั้งแล้วด้วย”
ในปี 2566 ที่เพิ่งผ่านมา “สิทธิชัย” ตัดสินใจกระโดดข้ามสาย ย้ายมาชกในกติกามวยไทยในรอบ 2 ปี และประเดิมผลงานด้วยการเบียดเอาชนะ “เอ็ดดี อาบาโซโล” ไปแบบหืดจับ ขณะที่ไฟต์ล่าสุดถูก “โมฮัมเหม็ด เซียซารานี” กดหมัดเรียกไป 1 นับ จนเป็นเหตุให้แพ้คะแนนอย่างน่าเสียดาย
ด้วยฟอร์มการชกที่ออกมาไม่สวยงามเหมือนที่แฟน ๆ คาดหวังไว้ ทำให้ “สิทธิชัย” ในวัย 32 ปี ที่เดินหน้ากวาดแชมป์มาแล้วทั่วโลก ต้องเผชิญต่อเสียงวิจารณ์ว่าหมดไฟที่จะสู้ในระดับสูงแล้ว ซึ่งเจ้าตัวยืนยันชัดเจนยังมีแรงกระหาย หวังพิชิตเป้าหมายสูงสุด อย่างการคว้าแชมป์โลก ONE มาพาดบ่าให้ได้ในช่วงท้ายอาชีพนักสู้ของตนเอง
“ผมเข้าใจดีครับที่หลายคนอาจจะมองว่าผมหมดไฟแล้ว ไม่ได้กระหายความสำเร็จแล้ว เพราะฟอร์มในสองไฟต์หลังสุดของผมออกมาไม่น่าประทับใจ แต่ในความรู้สึกของผม ผมยังมีไฟอยู่ ผมคว้าแชมป์ทั่วโลกมาแล้วก็จริง แต่ยังอยากที่จะคว้าแชมป์โลก ONE มาครองให้ได้สักครั้งในชีวิต นี่คือช่วงบั้นปลายอาชีพนักมวยของผมแล้วที่จะสามารถไล่ล่าแชมป์โลกได้ และผมจะทำให้ได้ครับ”
การที่ไฟต์นี้ “สิทธิชัย” ได้โอกาสกลับมาชกในกติกาคิกบ็อกซิ่ง ที่สร้างชื่อให้ตนเองโด่งดังไปทั่วโลกอีกครั้ง ทำให้เจ้าตัวรู้สึกดีใจขั้นสุด ขอระเบิดฟอร์มล้างแค้น เก็บแต้มชัยเหนือ “มารัต” เป็นครั้งที่ 5 ให้ได้ เพื่อหวังต่อยอดไปสู่จุดหมายปลายทาง อย่างการท้าชิงบัลลังก์จาก “ชิงกิซ อัลลาซอฟ” แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) จอมแกร่งจากเบลารุส ที่ตนเคยพลาดท่าแพ้มาในทัวร์นาเมนต์ ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังปรีซ์ รุ่นเฟเธอร์เวต รอบชิงชนะเลิศ เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน
“ผมรู้สึกดีใจมากครับ ที่จะได้กลับมาชกในกติกาคิกบ็อกซิ่ง อีกครั้ง เพราะว่าผมถนัด และค่อนข้างจะคุ้นชินกับกติกานี้พอสมควร ส่วนการได้มาเจอกับ มารัต ในครั้งนี้ถือว่าเป็นไฟต์ที่สำคัญมากครับ เพราะนอกจากที่ผมจะได้แก้มือจากไฟต์ล่าสุดแล้ว ชัยชนะเหนือเขาอาจจะทำให้ผมต่อยอดก้าวไปถึงการชิงแชมป์โลกได้ด้วยครับ”
“ไฟต์นี้ผมซ้อมหนักที่สุดในชีวิตเลยครับ วางแผนการชกมาเป็นอย่างดี ตลอดการซ้อมที่ผ่านมา ผมให้คู่ซ้อมของผม เลียนแบบสไตล์การชกของ มารัต มาเล่นเชิงกับผมอยู่ตลอด เพื่อเตรียมรับมือทุกลูกของเขา แน่นอนว่ารูปเกมจะออกมาสนุกทั้ง 3 ยกแน่นอน และผมเชื่อว่าจะสามารถทำผลงานได้ดีกว่าเขาครับ”
สำหรับประเทศไทย ศึก ONE 165: ซุปเปอร์เล็ก vs ทาเครุ จะถ่ายทอดสดในรูปแบบเพย์-เพอร์-วิว (PPV หรือจ่ายเงินเพื่อรับชม) ซึ่งแฟนกีฬาสามารถซื้อ PPV Card ล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ได้ที่ลิงก์นี้>> https://visit.onefc.com/165GlobalPPV ราคาเพียง 99 บาท (เฉพาะผู้ชมในประเทศไทยเท่านั้น) และซื้อบัตรเข้าชมในสนามล่วงหน้าผ่านทาง Rakuten Ticket
ดูวิธีการซื้อ PPV เพื่อรับชมการถ่ายทอดสดศึก ONE 165: ซุปเปอร์เล็ก vs ทาเครุ ได้ที่นี่