ใจบอกไหวแต่กายไม่ไปด้วย “สิทธิชัย” ยันสู้สุดความสามารถ ก่อนพ่ายน็อกคิกบ็อกซิ่ง ครั้งแรกในชีวิต
“สิทธิชัย” เปิดใจหลังพ่ายน็อกคิกบ็อกซิ่งครั้งแรกในชีวิต จากนี้ยังไม่หมดไฟ ขอใช้เวลาเยียวยาร่างกายและจิตใจ เตรียมกลับมาลุยต่อ
จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการดวลเดือดกันในภาคที่ 6 ของสองคู่ปรับตลอดกาลแห่งวงการคิกบ็อกซิ่งโลก ระหว่าง “สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง” นักชกมากฝีมือ จากบุรีรัมย์ พบกับ “มารัต กริกอเรียน” จอมบู๊หมัดหนักจากอาร์เมเนีย ซึ่งผลการแข่งขันนั้นเป็นทางด้าน “มารัต” ที่เอาชนะน็อกไปได้ในยกสุดท้าย พร้อมคว้าโบนัส 5 หมื่นดอลลาร์ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) เข้าบัญชีเป็นของรางวัล ในศึก ONE 165: ซุปเปอร์เล็ก vs ทาเครุ เมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา
การที่ไฟต์นี้ “สิทธิชัย” ต้องขึ้นชกกับ “มารัต” ในพิกัดแคตช์เวต 156.5 ป. ซึ่งแตกต่างจากการพบกัน 5 ครั้งก่อนหน้านี้ ที่ขึ้นชกกันในพิกัด 155 ป. มาโดยตลอด ทำให้เจ้าตัวยอมรับว่าจำเป็นต้องปรับแผนการชกเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะแบบซึ่งหน้า เพราะรู้ดีถึงพิษสงพลังหมัดทำลายล้างของคู่ปรับตลอดกาลรายนี้
โดยในช่วงยกแรกทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ จนกระทั่งช่วงปลายยกสองที่พลาดโดนหมัดล้วงลำตัว ส่งผลให้มีอาการจุกลุกลามมาถึงยกสาม ซึ่งแม้ “สิทธิชัย” จะพยายามเอาตัวรอดสุดชีวิต แต่ก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือ “มารัต” ที่จัดการหาจังหวะฮุกซ้ายซ้ำแผลเดิมเพื่อปิดเกมน็อกอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และสามารถทำแต้มตีตื้นขึ้นมาเป็น 2-4 จากการพบกันไฟต์ที่ 6 พร้อมกับยัดเยียดความพ่ายแพ้แบบไม่ครบยกในกติกาคิกบ็อกซิ่งเป็นครั้งแรกให้แก่นักชกชาวไทย
“ไฟต์นี้ผมรู้ตัวดีครับว่าสู้แรงปะทะไม่ไหวแน่ ๆ เพราะไม่ได้สู้ในรุ่น 155 ป.ที่ตัวเองถนัด จึงวางแผนมาเดินออกข้างเลี่ยงการรับอาวุธตรง ๆ ซึ่งยกแรกทุกอย่างเป็นไปตามแผนครับ ผมฉากหนี แล้วชิงออกอาวุธได้ก่อนตลอด จนกระทั่งยกสองเกิดจุดเปลี่ยนขึ้นในช่วงท้ายที่เขาฮุกเข้าท้อง แล้วผมเกร็งไม่ทัน ทำให้จุก ซึ่งโชคดีที่จังหวะต่อมาเขาโน้มคอตีเข่าผม จนกรรมการต้องจับแยกออกมา ทำให้ผมได้พักไปในตัว”
“ยกสุดท้ายผมรู้ตัวแล้วว่า จะไปยืนแลกคืนไม่ไหวแน่ ๆ เพราะยังมีอาการจุกอยู่ จึงวางแผนที่จะฉากหนีหาจังหวะชกเก็บแต้ม แล้วไปวัดใจกรรมการเอา แต่ต้องยอมรับว่า มารัต เขาเดินบี้ติดไวมาก จนผมหนีไม่ทันและต้องเลือกที่จะแลกกับเขา ซึ่งจังหวะปิดเกมก็อย่างที่ทุกคนเห็น หมัดฮุกเขาหนักมาก แล้วโดนซี่โครงผมเต็ม ๆ ตอนล้มลงใจผมอยากสู้ต่อนะ แต่ตอนนั้นร่างกายมันไม่ได้แล้วจริง ๆ ครับ”
โดย “สิทธิชัย” ที่โลดแล่นในวงการคิกบ็อกซิ่งระดับโลก มาตั้งแต่อายุ 18 ปี ยอมรับตามตรงว่าตนเองในวัย 32 ปี มีสภาพร่างกายไม่แข็งแกร่งไร้เทียมทานเหมือนในอดีต จึงพลาดท่าพ่ายน็อกเป็นครั้งแรกในกติกานี้ ซึ่งตนพร้อมถอดบทเรียนทุกข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขและประยุกต์ใช้ในไฟต์ต่อไป
“เอาตรง ๆ ผมเองก็อยู่ในวงการคิกบ็อกซิ่ง มานานแล้ว เดินสายต่อยต่างประเทศ มาเกิน 10 ปี จนตอนนี้ผมอายุ 32 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็เจอแต่นักชกแข็ง ๆ มาตลอด ทำให้ร่างกายมันเริ่มกรอบเพราะรับแรงปะทะมาเยอะ ช่วงหลังนี้เวลาผมโดนอาวุธแล้วจะรู้สึกเจ็บตลอด ต่างจากเมื่อก่อนที่ทนได้เสมอ ซึ่งการแพ้น็อกเป็นครั้งแรกในกติกานี้ ผมไม่รู้สึกเสียใจใด ๆ เพราะมันมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้เสมอครับ”
“แต่ถ้าถามว่าเสียดายไหม ก็ต้องยอมรับว่าเสียดายที่ต้องเสียสถิตินี้ไป แต่ไม่เป็นไรครับ ชีวิตนักมวยก็แบบนี้ อะไรที่เกิดขึ้นแล้วก็ให้มันเกิดไป ผมก็ต้องนำมาเป็นบทเรียน แล้วพัฒนาฝีมือสู้กันต่อไป ผมขอยืนยันว่าจะยังสู้ต่อไปแน่นอน ผมยังมีไฟและยังมีกำลังใจที่ดี เพราะหลังจบเกมมีแฟน ๆ ทั้งไทยและต่างชาติส่งข้อความมาให้กำลังใจเยอะมาก ซึ่งผมรู้สึกขอบคุณทุกคนมากจริง ๆ ที่ยังไม่ลืมและเป็นห่วงอยู่เสมอครับ”
หลังพุ่งชนความพ่ายแพ้มาสองไฟต์ติดต่อกัน ทำให้ “สิทธิชัย” ตัดสินใจขอพักเบรกจากการฝึกซ้อมชั่วคราว เพื่อกลับไปเยียวยาหัวใจกับภรรยาและลูกสาวสุดที่รัก รวมถึงการเข้าไปดูแลกิจการค่ายมวยของตัวเองที่เปิดขึ้นมาได้ 1 ปีกว่าแล้ว ขณะที่เป้าหมายกับ ONE ในอนาคต ยืนยันพร้อมขึ้นสู้ทั้งในกติกามวยไทย และคิกบ็อกซิ่ง เหมือนเดิม แต่จะขอมองไปที่การกลับมาเรียกคืนฟอร์มเก่งให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก
“ตอนนี้ผมขอใช้เวลาพักฟื้นฟูร่างกาย และสภาพจิตใจ กับครอบครัวก่อนครับ แล้วก็จะแบ่งเวลาไปดูแลค่ายมวยของตัวเองด้วย ผมอยากจะลงไปสอนวิชามวยไทย ให้กับน้อง ๆ หลายคนด้วยตัวเองให้ได้มากที่สุดครับ”
“ส่วนเป้าหมายใน ONE หลังจากนี้ ผมขอมองไปทีละไฟต์ครับ จะค่อย ๆ ทำฟอร์มขึ้นมาใหม่ก่อน และไฟต์ต่อไปจะเป็นมวยไทย หรือคิกบ็อกซิ่ง ผมพร้อมหมดครับ แต่ถ้าเป็นไปได้จะกลับมาสู้ในรุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) เพื่อลดความเสียเปรียบเรื่องแรงปะทะเหมือนไฟต์นี้ครับ”
ติดตามข่าวสารและความคืบหน้าได้ที่นี่และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand และอินสตาแกรม ONEChampTh