“แสตมป์” ลอยลำเข้ารอบชิงฯ รับขัดใจผลงานตัวเอง โหดไม่สุด!
“แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” หลังจากเอาชนะคะแนนเอกฉันท์คู่แข่งบราซิล “จูลี เมซาบาร์บา” ได้ในรอบรองชนะเลิศ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมหญิง ศึก ONE: NEXTGEN เมื่อ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าตัวยอมรับว่าพอใจผลงานเพียงครึ่งเดียว โหดได้ไม่สุด แต่ไม่อยากผลีผลามบุ่มบ่าม เพราะเคยมีบทเรียนมาแล้ว
นักสู้สาวชาวระยองขวัญใจชาวไทย วัย 23 ปี สร้างความปลาบปลื้มใจให้แก่แฟนกีฬาการต่อสู้ทั้งประเทศ เมื่อสามารถเอาชนะสาวแกร่งแดนแซมบาได้แบบใส ๆ ลอยลำเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยจะไปเจอนักมวยปล้ำสาวสุดอึดจากแดนโรตี “ริตู โฟกาต”
แม้เจ้าตัวจะรู้สึกภูมิใจและประทับใจที่คว้าชัยชนะมาได้ แต่ แสตมป์ ยังคงขัดใจกับผลงานตัวเอง เพราะไม่สามารถปิดเกมคู่แข่งได้ด้วยการน็อกเอาต์ตามที่ตั้งใจไว้ พร้อมทั้งยอมรับว่า จูลี มีน้ำอดน้ำทนไม่เบา ทั้งมีทักษะเกมภาคพื้นที่ดี จึงทำให้เธอไม่มีจังหวะจะจะในการเผด็จศึกคู่ต่อสู้
“สำหรับผลงานในไฟต์ที่เพิ่งผ่านมา หนูให้คะแนนตัวเองแค่ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นค่ะ เพราะหนูตั้งใจว่ากะจะน็อกให้ได้ ไฟต์นี้จะต้องได้เลือดแน่ ๆ แต่ จูลี เขาก็อึดพอสมควร เหมือนเขาจะยอมแล้วแต่เขาก็ฮึดสู้กลับมาได้ ทำให้เราเสียโอกาสไป”
“หนูรู้สึกว่าไฟต์นี้ ตัวเองยังดุไม่พอ คือเราก็ไม่อยากผลีผลาม ไม่อยากให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเพราะความประมาทอย่างที่เคยเจอกับ อาลีโอนา ในไฟต์แรก จริง ๆ เราก็สามารถเดินบุกได้ แต่ด้วยความกังวลใจว่าจะพลาด เลยต้องใช้ความคิดและระมัดระวังตัว ซึ่งหลายคนก็อาจมองว่าเราไม่ดุอย่างที่เคย”
ก่อนหน้านี้ จูลี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะใช้เกมยืนสู้ที่เหนือกว่าน็อกเอาต์ แสตมป์ ได้ ซึ่งเมื่อถาม แสตมป์ ว่าหลังจากประมือกันจริง ๆ แล้วฝีมือคู่แข่งเจ๋งอย่างที่คุยไหม แสตมป์ ให้คำตอบว่า
“จริง ๆ เขามีแต่หมัดนะคะ อย่างอื่นไม่มีอะไรที่น่ากลัวเลย ส่วนเกมนอน หนูว่าเขายังไม่สามารถคุมหนูอยู่ เพราะหนูสามารถเอาตัวรอดออกมาได้ตลอด คิดว่าทั้งเกมยืนและเกมนอนของหนูดีกว่าเขามาก ซึ่งจากไฟต์ที่ผ่านมาก็น่าจะพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่าหนูหรือเขาที่ดีกว่ากัน”
หลังจากผ่านด่านพิสูจน์ฝีมือได้อีกครั้ง แสตมป์ กำลังขยับเข้าใกล้เส้นชัยไปอีกก้าวโดยจะต้องเข้าไปเจอกับด่านหินอย่างสมิงสาวชาวอินเดียที่ขึ้นชื่อเรื่องเกมนอนอันแข็งแกร่ง เห็นได้จากที่เธอสามารถปราบมวยยืนอย่าง “เจเนลีน โอลซิม” ซึ่งเป็นมวยสไตล์เดียวกับ แสตมป์ ได้ในรอบรองชนะเลิศ
“ริตู มีเกมนอนที่แข็งแกร่ง การจะต้านเขาได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับความเร็วของเราในการป้องกันเทกดาวน์ จากที่ดูเขาสู้กับ เจเนลีน คิดว่าการเอาเกมยืนไปสู้ไม่น่าจะเอาอยู่ค่ะ แต่หนูจะยังใช้มวยไทยในการรักษาระยะ และเพิ่มความรวดเร็วในการป้องกันเทกดาวน์และโต้กลับค่ะ”
ไม่ว่า แสตมป์ จะต้องเผชิญหน้ากับงานยากสักเท่าไหร่ เธอยังคงไม่ละทิ้งเป้าหมายเดิมที่จะสร้างประวัติศาสตร์การเป็นแชมป์โลก ONE สามประเภทกีฬา เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าทุกความฝันเป็นไปได้หากไม่ละความพยายาม
“เข็มขัด เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ มีความสำคัญกับหนูมาก ๆ ค่ะ เพราะมันจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า หนูสามารถทำได้ หนูเริ่มมาจากมวยไทยและถ้าหนูสามารถได้แชมป์โลก MMA ในครั้งนี้ ก็ถือว่าครั้งหนึ่งในชีวิตหนูมีส่วนได้สร้างประวัติศาสตร์ให้แก่ชาวไทยทั้งประเทศ ก็อยากให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ”
อ่านเพิ่มเติม: