ไม่ได้โม้ “ซุปเปอร์บอน” ขึ้นชื่อคิกบ็อกเซอร์เก่งสุดแห่งยุคอย่างไร้ข้อกังขา
“ซุปเปอร์บอน” สะใจป้องแชมป์ได้สำเร็จ ลบทุกคำสบประมาทปิดปากนักวิจารณ์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าชัยชนะที่ได้มาไม่ใช่เรื่องฟลุก
“ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” ราชันคิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต โชว์ผลงานเยี่ยมรั้งเข็มขัดครั้งแรกสำเร็จจากผู้ท้าชิงเบอร์หนึ่ง “มารัต กริกอเรียน” ในศึก ONE X เมื่อวันเสาร์ที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้พูดได้อย่างเต็มปากว่าเขาคือคนที่เก่งสุดในรุ่นอย่างไร้ข้อสงสัย
ถือเป็นความสะใจของตัวพ่อคิกบ็อกซิ่งชาวไทยวัย 30 ปี ที่สามารถชำระแค้นที่ค้างคาใจกับอริเก่าที่เคยชนะน็อกเขาได้อย่าง มารัต โดยสามารถเอาชนะคะแนนไปได้อย่างขาดลอยหลังดวลเดือดครบ 5 ยก
ยิ่งไปกว่านั้น การเอาชนะ มารัต ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักชกที่เก่งที่สุดในรุ่นเมื่อเทียบแบบปอนด์ต่อปอนด์ก็ทำให้ ซุปเปอร์บอน สามารถประกาศให้โลกรู้อย่างเต็มภาคภูมิว่าเขาคือคนเก่งที่สุดของรุ่นตัวจริง
“ตอนนี้ ผมสามารถโม้ได้แล้วว่า ผมคือแชมป์ของจริง (หัวเราะ) ผมรู้สึกว่าจะไม่มีคนไหนกล้าค้านหรือเถียงผมได้อีกต่อไป เพราะผมมั่นใจว่าตอนนี้ผมคือคนที่เก่งที่สุดในรุ่นครับ”
กว่าจะมายืนตรงจุดนี้ ซุปเปอร์บอน เล่าว่าเขาต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักและการวางแผนมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเผชิญหน้ากับนักสู้สุดอันตรายอย่าง มารัต ซึ่งเขาต้องระมัดระวังทุกชั่วขณะเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดที่อาจทำให้ความพยายามที่ผ่านมาต้องสูญเปล่า
แม้จะทำผลงานได้ตามแผนทุกอย่างจนสามารถสยบคู่แข่งมาได้อย่างขาดลอย แต่ ซุปเปอร์บอน ยังคงมองเห็นข้อบกพร่องของตนเองและคิดว่าตนน่าจะทำได้ดีกว่านี้
“ข้อบกพร่องของผมคงจะเป็นในยกที่สี่ ซึ่งผมเห็นแล้วว่า มารัต เขาโดนอาวุธหนักของเราแล้วมีอาการยุบให้เห็น แต่ผมไม่กล้าตามเข้าไปปิดเกมเพราะกลัวว่าจะพลาด และเสียหายกับสิ่งที่เราทำมาดีในยกก่อน ถ้าผมเดินตามเกมก็อาจจะน็อกเขาได้ ก็เสียดายเหมือนกันครับ”
อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้ ซุปเปอร์บอน ได้ก้าวขึ้นมายืนในจุดสูงสุดของอาชีพนักกีฬาในฐานะนักชกคิกบ็อกซิ่งที่เก่งที่สุดในรุ่นเฟเธอร์เวต โดยสามารถปราบผู้ที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งของโลกมาแล้วทั้ง สิทธิชัย, เปรโตเซียน และ มารัต
แต่ถึงอย่างนั้น ซุปเปอร์บอน ก็จะไม่หยุดตัวเองไว้ที่ความสำเร็จครั้งนี้แน่นอน เพราะยังมีเป้าหมายอีกมากมายที่เขาตั้งใจและมุ่งมั่นจะไปให้ถึง
“ผมรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากครับที่มาถึงจุดนี้ได้ แต่ผมรู้สึกว่ายังมีอะไรให้ผมทำต่ออีกหลายเรื่องซึ่งผมยังหยุดแค่นี้ไม่ได้ ในฐานะนักกีฬาการต่อสู้ผมยังมีเป้าหมายที่ต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นไปอีก”
“วันนี้เราภูมิใจและดีใจกับความสำเร็จตรงนี้ แต่จะไม่อยู่กับมันนาน เพราะต้องกลับไปทำในสิ่งที่ต้องทำต่อเพื่อพัฒนาไปให้ไกลกว่านี้เพื่อให้ทุกคนจดจำเราได้ว่าเราคือคนที่เก่งที่สุดจริง ๆ ครับ”
อ่านเพิ่มเติม: