บัลลังก์ข้าใครอย่าแตะ “ซุปเปอร์เล็ก” มั่นใจย้ำแค้น “นาบิล” รั้งเข็มขัดมวยไทยครั้งแรก

“ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9” แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) และมวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) แสดงความมั่นใจว่าจะสามารถรั้งเข็มขัดมวยไทย จากการท้าชิงของคู่ปรับเก่าอย่าง “นาบิล อานาน” ดาวรุ่งก้านยาว เชื้อสายแอลจีเรีย-ไทย เจ้าของแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต เฉพาะกาล ในศึก ONE 172: ทาเครุ vs รถถัง ที่จะถ่ายทอดสดความมันครั้งประวัติศาสตร์ไปยัง 195 ประเทศทั่วโลก จากสังเวียน ไซตามะ ซูเปอร์ อารีนา ประเทศญี่ปุ่น ในวันอาทิตย์ที่ 23 มี.ค.นี้ เริ่มเวลา 14.00 น.
ย้อนกลับไปในศึก ONE ลุมพินี 22 เมื่อเดือน มิ.ย.66 “ซุปเปอร์เล็ก” ที่ครองเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต เพียงเส้นเดียวในขณะนั้น ถูกประกบให้มารับนักมวยไทยน้องใหม่ในรุ่นฟลายเวตอย่าง
“นาบิล” ที่ครองความได้เปรียบด้วยความสูงถึง 192 ซม. ซึ่งเกมการชกในวันนั้นกลับจบลงอย่างรวดเร็ว โดย “นาบิล” ไม่สามารถต้านทานกระดูกมวยของ “ซุปเปอร์เล็ก” ได้ จึงถูกไล่ถล่มพ่ายน็อกจอดตั้งแต่ยกแรก
หลังจากนั้นทั้ง “ซุปเปอร์เล็ก” และ “นาบิล” ต่างแยกย้ายกันไปไล่ล่าความสำเร็จในเส้นทางของตัวเอง โดยเริ่มจาก “ซุปเปอร์เล็ก” ที่ทำฟอร์มเก็บชัยชนะ 2 ไฟต์รวดในกติกามวยไทย ก่อนจะกลับไปป้องกันเข็มขัดคิกบ็อกซิ่งครั้งที่ 2 ของตัวเองจาก “ทาเครุ เซกาวา” ในศึก ONE 165 เมื่อเดือน ม.ค.67 จากนั้นจึงกลับมาเก็บชัยชนะในกติกามวยไทยเหนือ “ก้องธรณี ส.สมหมาย” ในอีก 5 เดือนต่อมา
และล่าสุด “ซุปเปอร์เล็ก” ทำผลงานชิ้นโบว์แดง ด้วยการขยับขึ้นมาชกในรุ่นแบนตัมเวตเป็นครั้งแรก และใช้เวลาเพียง 49 วินาทีของยกแรก ในการเผด็จศึกยอดนักชกจากเกาะอังกฤษ “โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี” กระชากเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต มาครอง พร้อมขึ้นแท่นเป็นเจ้าบัลลังก์ 2 รุ่น 2 กติกา ได้อย่างยิ่งใหญ่ ในศึก ONE 168 เมื่อเดือน ก.ย.67

ขณะที่ “นาบิล” หลังจากแพ้ “ซุปเปอร์เล็ก” ในไฟต์เปิดตัว ก็ได้กลับไปฝึกซ้อมอย่างหนัก จนสามารถพัฒนาฝีมือขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่ง โดยเริ่มต้นจากการกลับมาเก็บชัยชนะ 2 ไฟต์รวดเหนือ 2 รุ่นพี่ตัวตึงอย่าง “นักรบ แฟร์เท็กซ์” และ “เมืองไทย พีเค.แสนชัย” แต่ด้วยสรีระร่างกายที่โตไม่หยุด จึงทำให้ “นาบิล” ตัดสินใจขยับน้ำหนักขึ้นมาสู้ในรุ่นแบนตัมเวต และเพียงแค่ไฟต์แรกในรุ่นนี้เขาก็สามารถคว้าสัญญานักกีฬา ONE มาครองได้สำเร็จ จากการชนะน็อก “กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย” ในศึก ONE ลุมพินี 69 เมื่อเดือน ก.ค.67
“นาบิล” ประเดิมไฟต์แรกในฐานะนักกีฬา ONE ในศึก เมื่อเดือน ONE Fight Night 24 เมื่อเดือน ส.ค.67 ด้วยการเอาชนะเจ้าของเก้าอี้เบอร์ 3 ของแรงกิง ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต ในขณะนั้นอย่าง “ฟิลิปเป โลโบ” จนสามารถก้าวเข้าสู่แรงกิงของรุ่นได้สำเร็จ ตามด้วยการเอาชนะมวยแกร่งอย่าง “ซอ ลิน อู” ในอีก 1 เดือนต่อมา ในศึก ONE ลุมพินี 81
กระทั่งไฟต์ล่าสุดที่ “นาบิล” สามารถก้าวขึ้นเป็นราชันมวยไทยเฉพาะกาลของรุ่นได้สำเร็จ จากการกด 3 นับเอาชนะทีเคโอ “นิโค คาร์ริลโล” จากสกอตแลนด์ ในศึก ONE 170 เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา และคว้าโอกาสกลับมาเปิดศึกรีแมตช์รวบเข็มขัดกับ “ซุปเปอร์เล็ก” ในวันอาทิตย์ที่ 23 มี.ค.นี้
“หลังจากที่ นาบิล แพ้ผมในไฟต์เปิดตัว เขาก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาเร็วมากและเก็บชัยชนะมาโดยตลอด ซึ่งยิ่งชนะบ่อย ๆ ก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจในตัวเองมากขึ้น มีความกระหายมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เขาอายุยังน้อย ประสบการณ์ยังไม่เยอะ ผมเชื่อว่าเขายังพัฒนาให้เก่งขึ้นไปได้สุดกว่านี้ ซึ่งถ้าถึงวันที่เขามีประสบการณ์มากกว่านี้เมื่อไหร่ วันนั้นเขาจะแข็งแกร่งจนหาคนสู้ด้วยยาก”
ในศึกรีแมตช์ในครั้งนี้ทั้ง 2 คนจะได้เผชิญหน้ากันในรุ่นแบนตัมเวต ซึ่งต่างฝ่ายต่างพัฒนาฝีมือและความแข็งแกร่งขึ้นมาอีกระดับ “ซุปเปอร์เล็ก” จึงเชื่อมั่นว่าเกมการชกจะต้องออกมาสนุก ตื่นเต้น เร้าใจยิ่งกว่าการพบกันในภาคแรกที่เกิดขึ้นในรุ่นฟลายเวตอย่างแน่นอน
“การขยับขึ้นมาในรุ่นแบนตัมเวตทำให้ผมรู้สึกว่ามีแรงมากกว่า และสามารถออกอาวุธได้หนักกว่าเดิมไม่ว่าจะหมัดหรือแข้ง เมื่อต้องกลับมาเจอกับ นาบิล ในรุ่นนี้ ผมจึงคิดว่ารูปเกมจะสนุกกว่าภาคแรกแน่นอน ผมเตรียมอาวุธไปเยอะและมีเซอร์ไพรส์ด้วยครับ”
“แม้ช่วงหลัง นาบิล จะชนะน็อกมาบ่อยและกำลังอยู่ในช่วงมั่นใจ แต่ผมเชื่อว่า ผมเอาอยู่ และมีโอกาสจบไม่ครบยกสูงด้วย แต่ถ้าเกิดเกมมันยืดเยื้อไปจนถึง 5 ยก ผมก็ต้องเปลี่ยนแผนใหม่บนเวที ซึ่งผมก็มีแผนเตรียมรับมือเรื่องนี้ไว้แล้วครับ”
นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงในรุ่นน้ำหนักแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากการพบกันในภาคแรกโดยสิ้นเชิงคือ กระแสการคาดการณ์จากแฟนมวยทั่วโลกซึ่งมีจำนวนไม่น้อยมองว่า “ซุปเปอร์เล็ก” จะไม่สามารถต้านทาน “นาบิล” ที่อยู่ในช่วงร่างทองได้ไหว
“ซุปเปอร์เล็ก” ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนก็ไม่ปฏิเสธว่า “นาบิล” ยังคงเป็นงานยากไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง โดยเฉพาะความได้เปรียบด้านช่วงชกที่ไม่มีคู่ชกคนไหนหลีกเลี่ยงได้ แต่ยอดมวยบุรีรัมย์ได้เตรียมแผนการแก้ทางเรื่องนี้มาเรียบร้อย พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาเข็มขัดมวยไทยที่เพิ่งได้เป็นเจ้าของเพียง 6 เดือน ให้อยู่บนบ่าของตัวเองต่อไป
“เท่าที่ผมทราบมา คนส่วนใหญ่เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ที่มองว่า นาบิล จะเป็นฝ่ายชนะ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ที่รู้คือผมจะทําให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ตาม ไฟต์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมต้องเจองานยาก เพราะที่ผ่านมา ผมเคยเจองานหนักกว่านี้มาเยอะครับ”
“การที่ นาบิล ได้เปรียบถือเป็นเรื่องปกติเพราะเขาสูงกว่าผม บางคนมองว่าผมจะโดนแทงหน้าบ้าง โดนแทงคางจนน็อกบ้างก็มี ซึ่งผมก็เตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้ว ต้องรอดูว่าในวันนั้น นาบิล จะได้แทงผมหรือเปล่า บางทีทุกคนอาจเห็นผมเป็นฝ่ายเดินหรือถอย หรือไม่แน่ว่าอาจจะเห็นผมเล่นฝีมือก็ได้”

“ไฟต์นี้เป็นการป้องกันแชมป์โลก ONE มวยไทยครั้งแรกของผม ผมชกมวยไทยมาแทบจะทั้งชีวิตและเพิ่งจะได้แชมป์นี้มา ผมจึงยังไม่อยากเสียเข็มขัดไป บนเวที ต่อให้ผมจะเจ็บแค่ไหน แต่ผมไม่ยอมทิ้งตัวแน่นอน และผมเชื่อว่าจะสามารถรักษาเข็มขัดแชมป์เส้นนี้เอาไว้ได้ครับ”
ศึก ONE 172: ทาเครุ vs รถถัง วันอาทิตย์ที่ 23 มี.ค.68 เริ่มเวลา 14:00 น. แฟนกีฬาชาวไทยสามารถชมการถ่ายทอดสดคู่ที่ 1-2 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านทาง Watch.ONEFC.com (บางประเทศ), Facebook & YouTube ONE
ส่วนตั้งแต่คู่ที่ 3 เป็นต้นไป เปิดให้ชมผ่านทาง Watch.ONEFC.com ในรูปแบบ เพย์-เพอร์-วิว (PPV หรือจ่ายเงินเพื่อรับชม) เท่านั้น โดยแฟนกีฬาที่รับชมในประเทศไทยสามารถซื้อ PPV ได้ในราคาสุดคุ้มเพียง 200 บาท เฉพาะช่วง Early Bird ตั้งแต่วันนี้ถึง 22 มี.ค. และยังมีสิทธิ์ลุ้นรับเงินโบนัส 350,000 บาท เป็นรางวัลสุดพิเศษอีกด้วย กดซื้อที่ลิงก์ visit.onefc.com/ONE172PPVTH