นักล่าฝัน “ตะวันฉาย” ปักธงใหม่ ไล่ล่าแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง
“ตะวันฉาย” ยังเดินหน้าล่าฝันต่อ วางเป้าหมายใหม่กระโดดข้ามสาย ขอไล่ล่าแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเดียวกัน หลังไล่ปราบคู่ชกในกติกามวยไทยจนเริ่มหาคู่ต่อกรยาก
จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการแข่งขันไฟต์หยุดโลกที่ทุกคนเฝ้ารอคอย ระหว่าง “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย” ลงป้องกันบัลลังก์แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) ครั้งที่สอง พบกับ “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” อดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเดียวกัน ซึ่งผลการแข่งขันนั้นเป็นทางด้าน “ตะวันฉาย” ที่สามารถเอาชนะคะแนนเสียงข้างมากเหนือรุ่นพี่ตัวตึงไปได้อย่างสุดมัน รักษาบัลลังก์มวยไทยเอาไว้ได้สำเร็จ ในศึกใหญ่ส่งท้ายปี ONE ลุมพินี 46 เมื่อค่ำคืนวันศุกร์ที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับแผนการชกในไฟต์นี้ “ตะวันฉาย” ยอมรับว่าจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนสไตล์การชกบนเวทีกะทันหัน เพื่อแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า เนื่องจาก “ซุปเปอร์บอน” สามารถจับทางของตนได้ รูปเกมส่วนใหญ่จึงออกมาในรูปแบบชิงไหวชิงพริบ จนกระทั่งเจ้าตัวมาเริ่มมั่นใจเอาตอนช่วงท้ายเกมว่าสามารถคุมเกมได้เหนือกว่า
“ตอนแรกเตรียมแผนดักหลอกต่อยหมัด แต่พี่เขารู้ เขาจะคอยดักเตะ ผมเลยต้องเปลี่ยนมาเล่นอาวุธยาว มาเล่นมวยฝีมือกับพี่เขาแทน ซึ่งรูปเกมในยกแรกผมกับพี่บอน เราก็ชิงจังหวะกัน ดักเตะ ดักต่อย เล่นอาวุธยาว ๆ กันมากกว่า ส่วนยกสาม ผมโดนหมัดพี่เขาเยอะเหมือนกันครับ”
“พอเข้ายก 4-5 รู้สึกว่าผมคุมเกมได้แล้วเพราะพี่เขาเริ่มออกอาการยุบ ก็เริ่มดักเตะ ดักถีบ คุมเกม แต่จะให้รีบเดินเข้าไปปิดเกมแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้แน่นอน เพราะพี่เขาไม่ธรรมดา ผมทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าผมเดินเข้าไปแบบนั้น ผมจะตกอยู่ในเกมพี่เขาทันที แต่พอจบ 5 ยก ผมก็มั่นใจว่าผมเป็นฝ่ายชนะครับ”
“ตะวันฉาย” มองว่ากุญแจสำคัญที่ทำให้ตนเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะมาครอง คือการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับการแก้เกมแบบสด ๆ เพื่อพลิกสถานการณ์บนเวที พร้อมเผยว่า “ซุปเปอร์บอน” ถือเป็นแรงบันดาลใจและต้นแบบสำคัญในการฝึกซ้อมพัฒนาตัวเอง
“กุญแจสำคัญที่ทำให้ชนะพี่บอน วันนี้ก็คือการที่ผมเตรียมตัวมาดี ฟิตซ้อมมาดี และมีการแก้เกมบนเวทีส่วนถ้าจะให้คะแนนฟอร์มการชกเต็ม 10 ผมให้ตัวเอง 8 ครับ คิดว่ายังพลาดเรื่องการโดนเตะ โดนศอกแล้วยังมีอาการเจ็บ แล้วก็ไม่ค่อยออกอาวุธมากเท่าไหร่”
“จริง ๆ ผมชื่นชอบ พี่บอน มานานแล้ว เวลาพี่เขาต่อย ผมก็เป็นกำลังใจให้พี่เขาตลอด พี่เขาเป็นนักชกที่เก่งคนหนึ่ง ผมไม่เคยบอกใครเลยนะว่า ทุกวันนี้ ผมซ้อมหนักและมีการนำวิทยาศาสตร์การกีฬามาช่วย หรืออะไรอีกหลาย ๆ อย่าง ก็เป็นเพราะผมดูเขาเป็นประจำและนำแนวทางนั้นมาทำตาม”
หลังปราบคู่ต่อสู้ในกติกามวยไทย มาแทบจะหมดเรียบเกลี้ยงแผง จนเริ่มหาคู่ต่อกรยากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ความท้าทายต่อไปที่ “ตะวันฉาย” ต้องการข้ามผ่านให้ได้ คือการกระโดดย้ายสายไปลุยในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นเดียวกัน โดยมีเป้าหมายใหญ่ คือการสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์โลก 2 ชนิดกีฬา ด้วยการขึ้นไปนั่งบัลลังก์แทนที่ของแชมป์โลกคนปัจจุบันอย่าง “ชิงกิซ อัลลาซอฟ” ให้ได้สถานเดียว
“ในกติกามวยไทย ผมเริ่มหาคู่ชกยาก และคิกบ็อกซิ่ง ก็เป็นอะไรที่ท้าทาย เพราะว่าผมไม่เก่ง ผมยอมรับว่าถ้าคิกบ็อกซิ่ง คะแนนเต็ม 10 ผมให้ตัวเองแค่ 2-3 เอง แล้วคู่ชกเก่ง ๆ เยอะด้วย ซึ่งจะทำให้ผมพัฒนาได้เยอะ ใครจะว่าผมชกคิกบ็อกซิ่งไม่ดียังไงก็ช่าง ผมไม่สนใจ เป้าหมายของผมปีหน้า คือผมจะเป็นแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งให้ได้ครับ”
ติดตามข่าวสารและความคืบหน้าได้ที่นี่และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand และอินสตาแกรม ONEChampTh