รู้จักตัวตน “ทองพูน” เจ้าของฉายา “โล้นทองคำ” จอมระห่ำแห่งศึก ONE ลุมพินี
ทำความรู้จักนักมวยดาวรุ่ง “ทองพูน” ที่ฝ่าฟันจากนักมวยไทยห้ายกที่ไม่มีใครสนใจจนสามารถสร้างชื่อเป็นดาวจรัสแสงดวงใหม่แห่งศึก ONE ลุมพินี
“ทองพูน พีเค.แสนชัยมวยไทยยิม” เจ้าของฉายา “โล้นทองคำ” ที่สร้างชื่อดังระเบิดไปทั่วประเทศ จากฟอร์มการชกสุดระห่ำ ในรายการ ONE ลุมพินี เริ่มจากการเปิดตัวไฟต์แรก รัวหมัดดับซ่า “ทูมอโร่ เกียรติทรงฤทธิ์” คู่ชกไปด้วยเวลาเพียง 24 วินาที ในศึก ONE ลุมพินี 10 เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่เดือนต่อมาในศึก ONE ลุมพินี 13 จะใช้เวลาอีกเพียง 20 วินาที ไล่อัด “เพชรมงคล ศูนย์กีฬาห้วยต้ม” ลงไปกองชนิดไม่ต้องนับให้เสียเวลา
การคว้าชัยชนะสองไฟต์ติด พร้อมพิชิตโบนัสจากบิ๊กบอส “ชาตรี” รวม 7 แสนบาท จากเวลาการขึ้นชกบนสังเวียนเพียงแค่ 44 วินาที ทำให้ชื่อของ “ทองพูน” เริ่มได้รับการยอมรับจากแฟนกีฬาทั่วทั้งประเทศ รวมถึงยังถูกพูดถึงในระดับสากล ในฐานะดาวเด่นประจำรายการ ONE ลุมพินี
แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าชีวิตของ “ทองพูน” กว่าจะมาถึงวันที่ได้รับการยอมรับจากแฟนกีฬาในทุกวันนี้ เราจะพาไปย้อนเส้นทางชีวิตของนักมวยทรงแบดให้แฟน ๆ ได้รู้จักเขามากขึ้น
#เด็กบ้าพลัง
“ทองพูน” หรือชื่อจริง “กฤษดา ดาลาส” ชื่อเล่นว่าเจ้า “เจี๊ยบ” อายุ 25 ปี พื้นเพเป็นคนจังหวัดมหาสารคาม เติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจน ใช้ชีวิตค่อนข้างลำบาก โดยในวัยเด็กนั้น “ทองพูน” เป็นเด็กที่ชอบใช้กำลังแก้ปัญหาทำให้มีเรื่องชกต่อยอยู่บ่อยครั้ง
อยู่มาวันหนึ่ง “ทองพูน” ได้รู้จักเพื่อนรุ่นเดียวกันฝึกซ้อมมวยไทย ด้วยความที่ชอบต่อสู้อยู่แล้วจึงขอเพื่อนลองฝึกมวยไทยดูบ้าง และพบว่านี่คือทางของคนบ้าพลังอย่างเขาอย่างแท้จริง ซึ่งเขาสามารถปลดปล่อยพลังแบบไม่ต้องเดือดร้อนชาวบ้าน แถมยังสามารถหาเงินเลี้ยงตัวเองโดยไม่ต้องรบกวนพ่อแม่อีกด้วย “ทองพูน” จึงตัดสินใจก้าวสู่เส้นทางนักมวยอาชีพตั้งแต่นั้นมา
#ถูกเมินเพราะชกไม่ถูกตลาด
ในอดีตเจ้าตัวต้องเผชิญกับอุปสรรคอย่างหนัก โดยในสมัยที่ยังค้ากำปั้นชกมวยไทยห้ายก ชีวิตในช่วงนั้นแทบจะเอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะสไตล์การชกของ “ทองพูน” ที่เป็นมวยหมัดสายบู๊ดูจะไม่ติดตลาดเท่าใดนักจึงถูกปฏิเสธจากกลุ่มผู้จัดจากหลายรายการ
“ชีวิตการชกมวยไทยห้ายกของผม ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ครับ เพราะด้วยที่ผมเป็นมวยไฟเตอร์ ทำให้ไม่ถูกตลาดเท่าไหร่ครับ ไปอยู่ที่ไหน พูดได้เลยว่าแทบจะไม่มีใครสนับสนุน เพราะในช่วงปลายยกสี่ ผมจะเริ่มหมดแรง จนทำให้มักจะโดนวิจารณ์เสมอ ว่าทำไมหมดแรง ล้มมวยหรือเปล่า ซึ่งผมไม่โทษใครนะครับ ผมโทษแต่ตัวเองที่ฟิตซ้อมมาไม่ถึงเอง”
#นักมวยบุคลิกสองขั้ว
สไตล์การชกที่ดุดันของ “ทองพูน” ในสองไฟต์ที่ผ่านมาใน ONE ลุมพินี ประกอบกับการเปิดตัวด้วยคาแรกเตอร์แบดบอยตามฉบับ “เม็กซิกัน แกงสเตอร์” (การวมตัวของกลุ่มคนที่ชอบแฟชันสไตล์นี้) ที่ตนชื่นชอบ ทำให้อาจคิดไปว่าตัวตนจริงของเขาคงเป็นตามนั้น แต่ตรงกันข้าม “ทองพูน” เป็นคนอ่อนน้อม พูดจาสุภาพเรียบร้อย ซึ่งแตกต่างจากสไตล์การต่อสู้บนสังเวียนอย่างสิ้นเชิง
“จริง ๆ แล้ว ผมเป็นคนประเภทอินโทรเวิร์ต (บุคคลที่มีบุคลิกแบบเก็บตัว) จะนิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูด และชอบการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมากกว่า จนวันหนึ่งผมอยากหาเพื่อน อยากมีสังคม จนมาเจอกลุ่มที่ชอบแต่งตัวสไตล์แกงสเตอร์เหมือนกัน ก็รู้สึกชอบและเป็นที่มาของบุคลิกออกแนวแบดบอยของผมบนสังเวียนครับ “
#ที่มาของฉายา “โล้นทองคำ”
“ทองพูน” เผยว่ามีหลายคนตั้งฉายาให้เขามากมายจากทรงผมอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น “วิน ดีเซล มหาสารคาม” (ดาวบู๊ภาพยนตร์ฮอลลีวูด) หรือ “ไซตามะเมืองไทย” (ตัวการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ญี่ปุ่นยอดฮิตจากเรื่อง “วันพันช์แมน”) แต่เขากลับเลือกใช้ฉายา “โล้นทองคำ” ที่ตั้งให้โดยอาจารย์ “เด็ดดวง ป.พงษ์สว่าง” อดีตมวยดังซึ่งปัจจุบันเป็นเทรนเนอร์คู่กายที่ค่ายพีเค.แสนชัยฯ โดย “ทองพูน” ให้ความเคารพนับถืออย่างสูงถึงขั้นเรียกว่า “พ่อ”
“ผมชอบชื่อนี้มากครับ คือพ่อเด็ดดวงคงเห็นคุณค่าในตัวผมตามฉายา ทองพูน ที่หมายถึง ทองคำเพิ่มพูนขึ้น แล้วผมหัวโล้นด้วย ท่านก็เลยตั้งให้ว่า โล้นทองคำ ผมว่ามันเจ๋งดีครับ ผมก็เลยใช้ชื่อนี้มาตลอด”
#พบแสงสว่างบนเส้นทางนักมวย
หลังจากที่ไม่รุ่งในการชกมวย 5 ยก “ทองพูน” เริ่มมองหาลู่ทางที่จะพาเขาไปได้ไกลกว่าที่เป็น โดยเริ่มที่การเปลี่ยนทัศคติของตนเองว่าต้องพัฒนาฝีมือและต้องอยู่ให้ถูกที่ถูกทาง เขาจึงทำทุกอย่างเพื่อหาโอกาสเข้าสู่ชายคาค่ายใหญ่อย่างพีเค.แสนชัยฯ จนกระทั่งเขาทำสำเร็จสมใจและมีโอกาสเปิดประตูสู่โลกใบใหม่ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม นั่นคือการได้เป็นส่วนหนึ่งของ ONE ลุมพินี
“ผมก็ทำทุกอย่างเพื่อพยายามผลักดันตัวเองเข้ามาอยู่ในค่ายพีเค.แสนชัยฯ ให้ได้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติและมีความสุขมากครับที่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ ลูกพี่เสี่ยแขกดูแลดีมากครับ เขาไม่สนใจว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน ขอแค่คุณตั้งใจซ้อม รู้จักหน้าที่ เขาพร้อมดูแลหมดครับ ผมอยากขอบคุณตัวเองมาก ๆ ที่ผลักดันให้ตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ครับ
“ยิ่งตอนที่รู้ว่าตัวเองมีชื่อจะได้สู้ในศึก ONE ลุมพินี จากเดิมที่ผมบ้าซ้อมอยู่แล้ว ยิ่งกลายเป็นบ้าซ้อมหนักเข้าไปใหญ่ เพราะนี่คือโอกาสทองของผม ผมจะต้องสู้ ตอนนี้ผมมีความสุขมากครับ”
จากผลงานอันยอดเยี่ยมของ “ทองพูน” ในศึก ONE ลุมพินี พิสูจน์แล้วว่าเขาคือนักสู้ฝีมือไม่เป็นรองใคร โดยด่านต่อไปของ “ทองพูน” จะต้องเผชิญหน้ากับมวยซ้ายสายลุย จากจังหวัดตาก “ยางดํา สท.เหี่ยวบางแสน” ที่จะมาเปิดตัวเป็นครั้งแรกในศึก ONE ลุมพินี 22 ในกติกามวยไทย พิกัดแคตช์เวต (119 ป.) ซึ่ง “ทองพูน” ก็ยืนยันว่าศึกษาทำการบ้านคู่ชกมาเต็มที่ พร้อมขนทีเด็ดเตรียมเสิร์ฟให้แฟนคลับทั่วประเทศได้ตื่นเต้นเร้าใจเช่นเคย
“สภาพร่างกายในไฟต์นี้ดีมากครับ เพราะฟิตซ้อมมาอยู่ตลอดครับ ส่วนอาการบาดเจ็บข้อมือจากไฟต์ที่แล้ว ก็ดีขึ้นมาก แม้จะยังไม่หายขาด แต่ก็ขึ้นชกได้แล้วครับ สำหรับ “ยางดำ” น้องเขาเป็นมวยเข่า ที่มีศอกน่ากลัวครับ ส่วนจุดอ่อนของน้องเขา ผมได้ทำการบ้านมาแล้ว และไฟต์นี้ผมก็มีของดีมาโชว์บนเวทีเหมือนเดิม แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นลูกไหน ยกไหน เพราะผมอยากให้ทุกคนได้ชมอย่างมีอรรถรสและตื่นเต้นมากที่สุดครับ”
สำหรับศึก ONE ลุมพินี 22 วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายนนี้ แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. รับชมทาง
- ช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น.
- Watch.ONEFC.com (บางประเทศ)
- Facebook & YouTube ONE (บางประเทศ)