วัน แชมเปียนชิพ ชวน “ครูตอง” ชนนภัทร ขยายความรู้ MMA สู่อนาคตนักกีฬาน้อย
ในฐานะองค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก วัน แชมเปียนชิพ ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องจัดการแข่งขันเพียงเท่านั้น แต่ยังมองถึงการให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนในเรื่องของศิลปะการต่อสู้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมพิเศษขึ้น โดยได้รับความร่วมมือจาก “ครูตอง” ชนนภัทร วิรัชชัย นักกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) รุ่นบุกเบิกของประเทศ ที่ก้าวขึ้นเป็นนักกีฬาระดับโลก โดยปรากฏตัวในรายการ วัน แชมเปียนชิพ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2555 มาร่วมมอบความรู้เกี่ยวกับศาสตร์วิชาการต่อสู้แบบผสมผสานให้กับน้องๆ นักกีฬาที่มีความสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ได้นำความรู้ไปต่อยอดเพื่อเติมความฝันในการเป็นนักกีฬาอาชีพในอนาคต
กิจกรรมนี้จัดขึ้นที่ Power Junior Martial Arts Gym โดยมีน้องๆ นักกีฬาเยาวชน และนักกีฬาสมัครเล่น จำนวน 40 คนเข้าร่วมอบรม ด้าน “ครูตอง” ชนนภัทร ซึ่งมารับหน้าที่เป็นผู้ให้ความรู้ ได้มองเห็นภาพวันนี้แล้ว ไม่ต่างอะไรกับกระจกที่สะท้อนตัวเองเมื่อสมัยเป็นเด็กๆ
“ในการสอนวันนี้มีน้องๆ ทั้งที่เป็นวัยรุ่นและเด็กเล็ก ซึ่งการรับรู้และทำความเข้าใจของสองกลุ่มนี้ยังต่างกัน จึงต้องแบ่งกลุ่มกันเรียน โดยวัยรุ่นจะมีความรู้และความเข้าใจมากกว่า ทำให้รับทักษะได้เร็ว และมีความตื่นเต้นที่จะนำไปใช้ ส่วนกลุ่มเด็กเล็กวัยกำลังซน จะยังติดเล่น ชอบความสนุกสนาน เราก็แค่เสริมทักษะให้น้องๆ ได้ใช้กล้ามเนื้อ ได้เคลื่อนไหว และได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกีฬา MMA ครับ”
“ผมมองว่าสิ่งที่เด็กไทยรุ่นใหม่ควรได้รับ เพื่อนำไปต่อยอดในการเป็นนักกีฬา MMA ที่ดี คือโอกาสให้พวกเขาได้แสดงออกในทักษะด้านต่างๆ ผ่านเวทีการแข่งขันซึ่งในบ้านเรายังมีอยู่น้อย โดยควรให้พวกเขาได้ชิมลางและปูพื้นไปก่อน เพราะการได้เผชิญหน้ากับคู่แข่งจะทำให้ฝีมือของพวกเขาพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ ชนนภัทร ยังให้คำแนะนำแก่น้องๆ ในการยึดหลักสำคัญ 3 ประการสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพที่ดี นั่นคือ ต้องมีใจรัก, เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และ มีระเบียบวินัย
นอกจากนี้ “ครูตอง” ชนนภัทร มีความเห็นว่าในอนาคต เด็กไทยจะมีโอกาสมากขึ้นในการเดินตามรอยอดีตแชมป์โลกอย่าง “เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค” ในฐานะคนไทยคนแรกและคนเดียวที่เป็นแชมป์โลกกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน ของ วัน แชมเปียนชิพ
“ผมคิดว่ากีฬา MMA ของบ้านเราในอนาคตกำลังจะแปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพในการจัดแข่งขันเพื่อรองรับนักกีฬารุ่นใหม่ๆ ให้ได้โชว์ความสามารถอย่างเต็มที่ อย่างน้อยที่สุดในตอนนี้ การที่ผมได้เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของเด็กๆ การเปิดรับของผู้ปกครอง ผมเชื่อว่าจะมีอนาคตที่สดใส และมีนักกีฬาฝีมือดีหน้าใหม่ขึ้นมาประดับวงการได้อย่างแน่นอนครับ”
กด < > เพื่อชมภาพเพิ่มเติม
อ่านเพิ่มเติม: